กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--เมืองไทย แคปปิตอล
"ชูชาติ เพ็ชรอำไพ" บิ๊กบอส MTC ยันไม่ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น เดินหน้าลุยปล่อยสินเชื่อ P-Loan เต็มสูบ รอแค่แบงก์ชาติประกาศกติกาออกมาให้ชัด วางเป้าปี 2562 รายได้และกำไรโต 35% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ผุดสาขาเพิ่มอีก 600 แห่ง ทั่วไทย เผยวันที่ 11 มกราคมนี้ เตรียมโรดโชว์ นักลงทุนสถาบัน-กองทุนในประเทศสิงคโปร์ โชว์ศักยภาพธุรกิจในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า โตไม่ยั้ง
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานในปี 2562 ว่า บริษัทฯเตรียมเปิดสาขาใหม่อีก 600 สาขา ส่งผลให้สิ้นปีนี้มีสาขากว่า 3,900 สาขาทั่วประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าหมายรายได้และกำไรในปีนี้เติบโต 35% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 40%
"แผนการดำเนินงานในปีนี้ เราเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติตามเกณฑ์ใหม่ของสินเชื่อส่วนบุคคล (P-loan) แบบมีหลักประกัน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประทศไทย (ธปท.) ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้"
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ P-loan ที่แบงก์ชาติเตรียมประกาศใช้จะเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้กับ MTC เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯมี P-Loan ทั้งสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งตามเกณฑ์ใหม่ กำหนดเพดานดอกเบี้ยไว้ที่ 28% โดยปัจจุบันบริษัทฯคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 23% ทำให้มีช่องว่างในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทฯยังวางเป้าคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปี 2562 ที่ระดับไม่เกิน 2.0% ประธานกรรมการบริหาร MTC กล่าวอีกว่า ในวันที่ 11 มกราคม 2562 นี้บริษัทฯเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ ร่วมกับ บล.เครดิต สวิส เพื่อให้ข้อมูลพื้นฐานธุรกิจของบริษัท กับนักลงทุนสถาบัน กองทุนชั้นนำ จำนวน 28 กองทุน ในประเทศสิงคโปร์ และในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2562 จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และประเทศสิงคโปร์ ร่วมกับบล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง และระหว่างวันที่ 12-13 มีนาคม 2562 จะเดินทางไปร่วมงาม ASEAN Conference 2019 ร่วมกับ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน ซึ่งจะจัดขึ้นที่ ไทเป ประเทศไต้หวัน ซึ่งจะฉายให้เห็นถึงแนวโน้มธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก หลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตานักลงทุน เห็นได้จากรายได้และกำไร ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำสถิติสูงสุดใหม่มาโดยตลอด ขณะที่สามารถควบคุมสัดส่วนเอ็นพีแอลให้อยู่ในระดับต่ำ