กรุงเทพฯ--10 ม.ค.--กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงดิจิทัลฯ เตรียมโชว์เคสเด่นไทยแลนด์ 4.0 ทั้งระบบ 5จี, โครงการอีอีซีดี, สมาร์ทซิตี้, เทคโนโลยี ไอโอทีและเอไอ อวดสายตาชาวโลกในงาน World Expo 2020 Dubai ระหว่างวันที่ 20 ต.ค.2563-10 เม.ย. 2564 คาดยอดผู้เข้าชมไทยแลนด์พาวิลเลียน ไม่ต่ำกว่า 1.7 ล้านคนตลอดช่วง 6 เดือน
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ในฐานะที่ได้มอบหมายจาก ครม. ให้เป็นเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนงานการจัดแสดงนิทรรศการในงาน World Expo 2020 Dubai ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2563 – 10 เมษายน 2564 ได้เตรียมความพร้อมเพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทยให้ทั่วโลกได้รับรู้ รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0
โดยแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ประเทศเจ้าภาพกำหนดไว้ 3 หัวข้อ ได้แก่ 1.โอกาส (Opportunity) 2.การขับเคลื่อน (Mobility) และ3.ความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งในส่วนของประเทศไทย เลือกพื้นที่จัดแสดงในโซน Mobility เพราะสอดคล้องกับทิศทางของประเทศไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนประเทศไทยในทุกมิติ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสและเชื่อมโยงประเทศสู่เวทีโลก อีกทั้งยังปฏิรูปประเทศไทยไปสู่เป้าหมายของการเป็นดิจิทัลไทยแลนด์อย่างเต็มรูปแบบ และเป็นเวทีที่ประเทศไทยสามารถประกาศศักยภาพในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน
"ระยะเวลา 6 เดือนของการแสดงนิทรรศการ จะเป็นโอกาสประชาสัมพันธ์ประเทศไทยให้กับคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี ให้คนทั่วโลกชื่นชมความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทย ดังนั้น ไฮไลท์ที่เราจะนำไปจัดแสดงจะเน้นการสะท้อนให้เห็นภาพของประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในปี 2563-2564 เป็นต้นไป สอดคล้องกับช่วงเวลาที่การขับเคลื่อน Thailand 4.0 ของประเทศไทย จะเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โครงการอีอีซี จะเกิดขึ้นแล้ว มีการสร้างสนามบินอู่ตะเภา เกิดรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง 3 สนามบิน และมีท่าเรือน้ำลึก 2 ท่าเรือขนาดใหญ่ที่จะขยายตัวอีก คือแหลมฉบังและมาบตาพุด มีอุตสาหกรรมใหม่ เช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรม biofuel จนถึงอุตสาหกรรมดิจิทัล การเกิดดิจิทัลพาร์ค" ดร.พิเชฐกล่าว
ไฮไลท์เด่นๆ ที่ประเทศไทยจะพูดถึงการพัฒนา และการใช้งาน เพื่อนำเสนอในอาคารแสดงประเทศไทย (ไทยแลนด์ พาวิลเลียน) ในงาน World Expo 2020 Dubai ได้แก่ โครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) 5G , IoT, AI และโครงการ Smart Cities ที่จะแสดงให้ชาวโลกรับรู้ได้ ซึ่งปัจจุบันมีการสร้าง 7 Smart Cities แล้ว ในจังหวัดเชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น กรุงเทพ และอีก 3 จังหวัดในพื้นที่อีอีซี และที่สำคัญหลายโชว์เคสในงานนี้จะมีภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจร่วมด้วย
"รูปแบบการจัดงานของประเทศไทยอยู่ภายใต้แนวคิด"Mobility for the future การขับเคลื่อนสู่อนาคต"เพื่อแสดงถึงการเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้นของผู้คน สินค้า รวมถึงแนวคิดทางการแก้ปัญหาต่าง ๆ และการเชื่อมต่อกับระบบดิจิทัล โดยอาคารแสดงประเทศไทยจะเสนอแนวคิดของการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทยในมิติ Digital for Development ผสมผสานกับการนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยผ่านการพัฒนาด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่โดดเด่น มั่นใจว่าอาคารแสดงประเทศไทยจะได้รับความนิยมจากผู้เข้าชมไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านคนหรือไม่น้อยกว่า 7% ของจำนวนผู้เข้าชมงานทั้งหมด"ดร.พิเชฐกล่าว
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า งานเข้าร่วมแสดงนิทรรศการในงาน World Expo 2020 Dubai ประเทศไทยสร้างสรรค์ไทยแลนด์ พาวิลเลียน ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ได้เข้าร่วมงาน World Expo จากอดีตจนถึงปัจจุบันกว่า 30 ครั้ง เป็นระยะเวลากว่า 140 ปี โดยครั้งนี้ใช้พื้นที่ 3,600 ตรม. หรือเพิ่มขึ้นราว 2 เท่าจากเดิม ภายใต้ความท้าทายของการใช้ประโยชน์สูงสุดจากจำนวนงบประมาณที่ได้รับอนุมัติมา 900 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการร่วมงานครั้งก่อน World Expo 2015 ซึ่งมีงบประมาณ 800 ล้านบาท ในขนาดพื้นที่น้อยกว่านี้ราวครึ่งหนึ่ง
ทั้งนี้ World Expo 2020 Dubai ได้กำหนดหัวข้อหลัก (Theme) คือ "CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE"หรือ"เชื่อมความคิด สร้างอนาคต" สะท้อนการเชื่อมโยงการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม ซึ่งประเทศไทยจะนำเสนอความพร้อมในการเคลื่อนย้ายผู้คน การลงทุน การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในมิติต่างๆ สอดคล้องกับการก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และการเข้าร่วมงานที่ดูไบ จะสร้างโอกาสดึงดูดการลงทุนเข้าสู่ประเทศไทยได้ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของนักธุรกิจจากทั่วโลก
ด้าน ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า อาคารแสดงประเทศไทย จัดสร้างขึ้นภายใต้แนวคิด"Mobility for the future" การขับเคลื่อนสู่อนาคต" เพื่อแสดงถึงวิถีการเชื่อมสัมพันธไมตรีในแบบชาวสยามเมืองยิ้มที่สร้างความประทับใจให้กับต่างชาติ โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของยิ้มสยามคือรอยยิ้มที่จริงใจทำให้ประเทศไทยแตกต่างและโดดเด่นจนกลายเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงคนไทยกับคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี (Connecting minds) และเป็นส่วนสำคัญที่เชื่อมโยงและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคต (Creating the Future) โดยล่าสุดมีองค์กรไม่น้อยกว่า 16 รายตอบรับการเข้าร่วมจัดแสดงในโซนความร่วมมือรัฐ-เอกชน (PPP) ภายในไทยแลนด์ พาวิลเลียนแล้ว
นายซาอีฟ อับดุลลา มูฮัมหมัด คัลฟาน อัลชัมซี (H.E. Mr Saif Abdulla Mohammed Khalfan Al Shamsi) เอกอัครราชทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า คาดหมายยอดผู้เข้าชมงาน World Expo 2020 Dubai ไว้ 25 ล้านคน จาก 180 ประเทศ โดยโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเข้าร่วมแสดงนิทรรศการในงานนี้ ได้แก่ การสร้างสัมพันธ์กับยูเออีและประเทศอื่นๆ การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างสรรค์และการพัฒนา ตลอดจนการตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทางทั้งดานสุขภาพ และการท่องเที่ยว เป็นต้น