กรุงเทพฯ--11 ม.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 11 มกราคม 2562 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,286.40-1,295.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,550 บาทต่อบาททองคำ ปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFG19 อยู่ที่ 19,670 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,660 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.16 น. ของวันที่ 11/01/62)
แนวโน้มวันที่ 14 มกราคม 2562
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นายเจอโรม พาวเวล กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งกรุงวอชิงตัน ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มลดขนาดงบดุลลงจากระดับปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายต่อไป นั่นส่งผลเชิงบวกต่อดอลลาร์และส่งผลลบต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ ความหวังเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐ-จีน ซึ่งผ่อนคลายความกังวลบางส่วนเกี่ยวกับผลกระทบของความขัดแย้งด้านการเติบโตทางการค้า กระตุ้นตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี S&P500 ปรับขึ้นกว่า 10% จากระดับต่ำสุดในรอบ 20 เดือนที่มีขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส จึงส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยถูกลดความน่าสนใจลง อย่างไรก็ตาม แนะนำจับตาการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกในฐานะสินทรัพย์เสี่ยง เพราะหากเมื่อทัศนะบวกต่อการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ลดน้อยลง เนื่องจากจีนเสนอรายละเอียดเพียงเล็กน้อยต่อประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น การกดดันการถ่ายโอนเทคโนโลยี, สิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญา, อุปสรรคทางภาษี และการโจมตีไซเบอร์ ซึ่งการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนยุติลงด้วยคำมั่นของจีนว่าจะซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆของสหรัฐในปริมาณมาก แต่ไม่มีหลักฐานการบรรลุข้อตกลงใดๆในขณะนี้ โดยหากสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาปรับตัวลดลง ภายใต้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากสงครามการค้า สถานการณ์ดังกล่าวจะหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นราคาทองคำอาจขยับขึ้นได้ไม่ไกล ท่ามกลางความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับเบร็กซิท โดยนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษ เผชิญความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น เมื่อรัฐสภาเรียกร้องให้รัฐบาลของเธอจัดทำแผนสำรอง หากเธอพ่ายแพ้ในการลงมติข้อตกลงเบร็กซิทซึ่ง ในขณะที่กำหนดการถอดอังกฤษจากสหภาพยุโรปในวันที่ 29 มี.ค. ใกล้เข้ามาทุกที ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ของอังกฤษ จะต้องชนะการลงมติในรัฐสภาเพื่อให้ข้อตกลงเบร็กซิทของเธอได้รับอนุมัติ มิฉะนั้นจะเสี่ยงที่จะทำให้การถอนตัวของอังกฤษจากสหภาพยุโรป(EU)เกิดความวุ่นวาย ทั้งนี้รัฐสภาอังกฤษจะมีการลงมติข้อตกลงเบร็กซิท(Parliament Brexit Vote) ในวันอังคารที่ 15 ม.ค. ตามเวลาอังกฤษ หรือตรงกับเวลา 02.00 น. ของวันที่ 16 ม.ค. ตามเวลาประเทศไทย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันสกุลเงินปอนด์และส่งผลเชิงลบต่อราคาทองคำ เบื้องต้นประเมินว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น โดยหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านโซน 1,299-1,309 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยังไม่สามารถยืนได้แนะนำขายทองคำออกมาเช่นเดิม
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้นและหากทดสอบแนวต้านโซน 1,299 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 1,309 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,279-1,276 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,276 (19,250บาท) 1,265 (19,050บาท) 1,256 (18,950บาท)
แนวต้าน 1,299 (19,600บาท) 1,309 (19,750บาท) 1,318 (19,900บาท)
GOLD FUTURES (GFG19)
แนวรับ 1,276 (19,380บาท) 1,265 (19,210บาท) 1,256 (19,080บาท)
แนวต้าน 1,299 (19,730บาท) 1,309 (19,880บาท) 1,318 (20,020บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999