กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--ไดเมท (สยาม)
ผู้บริหาร-ที่ปรึกษาทางการเงิน-อันเดอร์ไรท์ ประสานเสียงแสดงความมั่นใจหุ้น DIMET เข้าเทรดวันแรก 21 ม.ค.นี้ จะสามารถยืนเหนือราคาจองได้แน่จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง อีกทั้งนักลงทุนเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดี ระบุผลประกอบการขยายตัวต่อเนื่องทุกปีตามแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ประกอบกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของบริษัททำให้มั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานของ DIMET ยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง
นายสุรพล รุจิกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) (DIMET) มั่นใจว่าเมื่อจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกในวันที่ 21 มกราคม 2551 จะสามารถยืนเหนือราคาจองได้อย่างแน่นอน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยที่ผ่านมาผลประกอบการมีอัตราการเติบโตที่ดีต่อเนื่องและเงินที่ได้การระดมทุนในครั้งนี้ DIMET จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ภายหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 40 ล้านบาท ใช้เพื่อลงทุนปรับปรุงและก่อสร้างอาคารคลังสินค้า เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงระบบการผลิต คลังสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างนวัตกรรมสินค้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงยิ่งขึ้นในอนาคต
"ถึงแม้ว่าช่วงนี้สภาพการซื้อขายในตลาดหุ้นค่อนข้างจะผันผวน แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากผลการดำเนินงานของ DIMET ที่มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยจากปี 2548 จนกระทั่งปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 10% ต่อปี จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนและเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคาหุ้น DIMET ที่จะเข้าซื้อขายในวันจันทร์ที่ 21 มกราคมนี้ สามารถยืนเหนือราคาจองที่ 1 บาทได้"นายสุรพล กล่าวในที่สุด
สำหรับผลการดำเนินงานของ DIMET ในส่วนของรายได้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 262.01 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 8.70 ล้านบาท ในงวดบัญชีปี 2549 เป็น 303.48 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 12.28 ล้านบาท ในงวดบัญชีปี 2550 หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 15.23 สำหรับงวด 3 เดือนแรกของงวดบัญชีปี 2551 บริษัทยอดรายได้รวมเท่ากับ 72.01 ล้านบาท มีกำไรสุทธิเท่ากับ 3.22 ล้านบาท ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของรายได้รวมในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีป้องกันสนิม ซึ่งจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน โดยในงวดบัญชีปี 2550 ยอดจำหน่ายสีป้องกันสนิมของบริษัทมีอัตราการเติบโตกว่าร้อยละ 80 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน โดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของยอดรายได้จากการขาย ดังกล่าว กอปรกับการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของบริษัท
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ DIMET กล่าวว่าแม้ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะค่อนข้างผันผวนแต่เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยมีความเชื่อมั่นว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทยังเติบโตดีตามอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและพลังงานเนื่องจากบริษัททำสีเกี่ยวกับอุตสาหกรรม ซึ่งธุรกิจต้องเดินหน้าต่อไป ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบการต่อการเข้าซื้อขายในวันแรก นอกจากนี้ ถือว่า DIMET เป็นหุ้นไอพีโอตัวแรกที่เข้ามาซื้อขายในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกใหม่ให้กับนักลงทุนจึงเชื่อว่า DIMET จะเป็นหุ้นอีกบริษัทหนึ่งที่น่าลงทุนในหุ้นไอพีโอของต้นปี 2551 ด้วย
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ DIMET กล่าวเสริมว่าในการกำหนดราคาขายไอพีโอที่ระดับ 1 บาท/หุ้น เป็นราคาที่เหมาะสมและน่าลงทุนในระยะกลางและยาว และจากวัตถุประสงค์ในการใช้เงินเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงระบบการผลิต คลังสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างนวัตกรรม สินค้า ซึ่งจะส่งให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตขึ้นในอนาคต จึงถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้หุ้น DIMET ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน)ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีคุณภาพสูงสำหรับใช้ทาในงานอุตสาหกรรม และงานโครงเหล็กที่ใช้ในงานก่อสร้างต่างๆ อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โรงผลิตไฟฟ้า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทย เพื่อป้องกันสนิมเหล็กรวมไปถึงสีเคลือบไม้ สีทาเฟอร์นิเจอร์ และสีทาอาคาร
ผลิตภัณฑ์สีคุณภาพสูงที่บริษัทผลิตและจำหน่าย แบ่งออกเป็น 4 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สีป้องกันสนิมสีเคลือบไม้ สีทาอาคาร และสีอุตสาหกรรม กลุ่มลูกค้าของบริษัท ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับพลังงานและการก่อสร้างงานโครงเหล็กต่างๆ อาทิ โรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โรงกลั่นน้ำมัน โรงผลิตไฟฟ้า แท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอ่าวไทยเพื่อป้องกันสนิมเหล็ก ส่วนลูกค้ากลุ่มรองลงมาได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันในปี 2550 บริษัทมีกำลังการผลิตของผลิตภัณฑ์สีทั้ง 4 กลุ่มหลักทั้งสิ้นประมาณ 4,320,000 ลิตรต่อปี และมีอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization Rate) ประมาณร้อยละ 69.44 ของกำลังการผลิต
บริษัทมีโครงการในอนาคตที่จะลงทุนเพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต โดยการปรับปรุงสถานที่จัดเก็บวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัท และปรับปรุงระบบและกระบวนการผลิตพร้อมทั้งเพิ่มจำนวนพนักงานและเวลาของการทำงานล่วงเวลา (Overtime) ของเวลาการทำงานปกติให้มากขึ้น ซึ่งภายหลังการดำเนินการปรับปรุงดังกล่าว บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 6,000,000 ลิตรต่อปี เพื่อรองรับการเติบโตของยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีตามที่บริษัทได้วางแผนธุรกิจไว้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนเพื่อปรับปรุงห้องทดลอง(Laboratory) สำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สีของบริษัท และลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่เน้นกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณณัฐณิชา ศรีสม โทรฯ 02-5549394 / 087-8778989