กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกัน 5,000 ล้านบาท (SME087A) ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย?อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท?อนถึงการสนับสนุนทางการเงินที่แข็งแกร่งที่ ธพว. ได้รับจากรัฐบาลผ?านทางกระทรวงการคลังในฐานะที่ ธพว. มีบทบาทสําคัญในการเป?นผู?ให?การสนับสนุนหลักแก?ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย?อมซึ่งเป?นหนึ่งในป?จจัยที่สร?างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ผลประกอบการของธนาคารถือว่าอยู่ในระดับที่คาดการณ์ไว้ และอันดับเครดิตของธนาคารยังคงอยู่ในระดับเดิมจากการสนับสนุนที่แข็งแกร่งของรัฐบาล ในช่วงปี 2550 คณะกรรมการธนาคารและคณะผู้บริหารมีความพยายามอย่างชัดเจนในการปรับโครงสร้างระบบการบริหารงานและพัฒนากรอบแนวทางของระบบบริหารความเสี่ยงเพื่อที่จะลดปัญหาในเรื่องการปฏิบัติงานที่ขาดประสิทธิภาพและปัญหาความหละหลวมในการปฏิบัติการภายในของธนาคาร อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความผันผวนของธนาคารในช่วงระหว่างการปรับโครงสร?างองค?กร รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารที่เอื้ออำนวยลดลงอันอาจจะจำกัดความสามารถในการทำกำไรของธนาคารในอนาคต
แนวโน?มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท?อนถึงสถานภาพที่มีบทบาทของ ธพว. ในฐานะเป?นหนึ่งในธนาคารเชิงนโยบายที่สําคัญที่ช?วยกระตุ?นการเติบโตของเศรษฐกิจโดยผ?านการให?เงินทุนระยะยาวแก?ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย?อม แนวโน?มอันดับเครดิตอยู?บนพื้นฐานการคาดการณ์ในระยะปานกลางว่าคณะกรรมการและผู้บริหารชุดใหม่ของธนาคารจะสามารถพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีการกำกับดูแลที่ดีเพื่อควบคุมความเสียหายอันเกิดจากการดำเนินงานภายในที่หละหลวมได้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังว่าความสัมพันธ?ของธนาคารกับรัฐบาลและหน?วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการสนับสนุนทางการเงินในรูปของการให?ทุนและเงินชดเชยจากรัฐบาลจะไม?เปลี่ยนแปลงในอนาคต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธพว. ก?อตั้งในป? 2545 ภายใต? พ.ร.บ. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย?อมแห?งประเทศไทย พ.ศ. 2545 โดยการรับโอนย?ายงานสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย?อม รวมทั้งงานด้านการเงินและปฏิบัติการจากบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย?อมแห?งประเทศไทย (บอย.) ซึ่งก?อตั้งภายใต? พ.ร.บ. บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย?อมแห?งประเทศไทย พ.ศ. 2534 ทั้งนี้ ก?อนที่จะมีการยกระดับ บอย. ให?เป?น ธพว. กระทรวงการคลังได?ทําการเพิ่มทุนให?แก? บอย. 2 ครั้งและได?เพิ่มทุนให?อีกครั้งภายหลังจากที่ได้ยกระดับเป?น ธพว. ไปแล?ว 2 ป? การเพิ่มทุนจำนวน 2,500 ล้านบาทในเดือนตุลาคม 2548 และเงินเพิ่มทุนอีกจำนวน 1,200 ล้านบาทจากกระทรวงการคลังในปลายปี 2550 เป?นสิ่งยืนยันให?เห็นถึงการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ของรัฐบาลที่มีต?อธนาคารเพื่อทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ธพว. มีผลประกอบการขาดทุนสูงถึงจำนวน 2,837 ล้านบาทในปี 2549 และขาดทุน 296 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 ปัญหาสำคัญคือการเพิ่มขึ้นของระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ซึ่งทำให้ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยลดลง ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังใช้เกณฑ์การตั้งสำรองใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นผลให้ต้องตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสูงถึง 3,215 ล้านบาทในปี 2549 และ 277 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2550 สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคารเพิ่มขึ้นจาก 23% ในปี 2548 เป็น 45% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 และ 48% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2550 อย่างไรก็ตาม สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 96% เกิดจากสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติก่อนปี 2549 การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทำให้อัตราส่วนสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินกองทุนและสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารเพิ่มขึ้นจาก 1.9 เท่า ณ สิ้นปี 2548 เป็น 3.5 เท่า ณ สิ้นปี 2549 ซึ่งสูงกว่าระดับเฉลี่ยที่ 1.1 เท่าสำหรับธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่งและสถาบันการเงินเฉพาะกิจ 4 แห่ง
ความท้าทายของธนาคารในการก?าวไปข?างหน?าคือการรักษาสมดุลระหว?างภารกิจในการสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย?อมในฐานะที่เป็นหน่วยงานเชิงนโยบายของรัฐบาลและความพยายามในการปรับปรุงผลและประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วยการปฏิบัติตามระบบบริหารความเสี่ยงที่มีมาตรฐานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ความสำเร็จดังกล่าวคาดว่าจะช?วยให?ธนาคารสามารถดํารงสถานภาพเชิงกลยุทธ?เอาไว?ได?แม?ในภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล?อมทางการเมืองในอนาคต ทริสเรทติ้งกล่าว