กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์
- 2 ขุมพลังขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ใหม่ ที่ทรงพลังเหนือกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ในรุ่นเดิม ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่
- เหนือระดับด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ "ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง" (Honda SENSING) พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เผยขุมพลังขับเคลื่อนใหม่ใน "ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10" ได้แก่ เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ใหม่ ที่ทรงพลังเหนือกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ในรุ่นเดิม ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ นับเป็นยนตรกรรมพรีเมียมซีดานที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแบรนด์ฮอนด้าอย่างชัดเจน ด้วยดีไซน์ภายนอกและภายในที่ผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังเหนือระดับ และเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ "ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง" (Honda SENSING) พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) เป็นต้น สร้างกระแสต่อเนื่องหลังจากการตอบรับที่ดีเยี่ยมกับการเผยโฉมครั้งแรกในประเทศไทยที่งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35 หรือ The 35th Thailand International Motor Expo 2018 ที่ผ่านมา โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เร็วๆ นี้
ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 เปิดตัวในสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรก เมื่อปี 2560 และสามารถคว้ารางวัลเกียรติยศจากสถาบันชั้นนำด้านยานยนต์ในตลาดสำคัญทั่วโลก ทั้งสหรัฐอเมริกา แคนาดา และยุโรป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ ภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียม ความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของพรีเมี่ยมซีดานรุ่นนี้ รวมทั้งตอกย้ำความเชื่อมั่นของลูกค้าและการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญในวงการรถยนต์ที่มีต่อฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ทั้งในด้านดีไซน์ สมรรถนะการขับขี่ ภาพลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียมและความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี
แนวคิดการออกแบบ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10
ฮอนด้า แอคคอร์ด เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิดหลัก "Absolute Confidence" เพื่อสร้างมาตรฐานยนตรกรรมพรีเมียมซีดานให้เหนือระดับไปอีกขั้น โดยมีหลัก 3 ประการในการพัฒนา ได้แก่
Dynamics - ความปราดเปรียว โฉบเฉี่ยว ทั้งในด้านดีไซน์ และสมรรถนะการขับขี่
Captivating – ความมีเสน่ห์และน่าดึงดูดของรถยนต์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
Upscale – ยกระดับคุณภาพการพัฒนายนตรกรรม ให้สง่างาม และเหนือระดับเกินคลาส
การออกแบบภายนอก
รูปลักษณ์ของฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 นับเป็นการปฏิวัติดีไซน์จากทุกรุ่นที่ผ่านมาอย่างชัดเจน ด้วยการผสานความหรูหราสง่างามกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยรูปแบบที่เรียบง่ายแต่ประณีตในทุกรายละเอียด เส้นสายที่ปราดเปรียวและเฉียบคม สะท้อนความหรูหราและสปอร์ตมากกว่าที่เคยมีมา และเป็นครั้งแรกกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ที่เรียกว่า Laser Blaze ในการออกแบบตัวถัง เพื่อลดรอยต่อบริเวณหลังคารถและตัวถัง สะท้อนความสปอร์ตพรีเมียมของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การออกแบบภายใน
ห้องโดยสารของ ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 10 ได้รับการออกแบบให้กว้างขวาง สะดวกสบาย มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้โครงสร้างเส้นแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น อีกทั้งมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ผสมผสานความสปอร์ตและพรีเมียมไว้ได้อย่างลงตัว พร้อมด้วยฟังก์ชั่นและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (Head Up Display : HUD) และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI เป็นต้น
เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนที่สปอร์ตเร้าใจ 2 รุ่น ได้แก่
เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO เครื่องยนต์เทอร์โบรุ่นใหม่ มาพร้อมระบบระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ดีขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร ใน ฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นเดิม และยังคงไว้ซึ่งอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับพลังงานทางเลือก E85
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมระบบ Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) ซึ่งเป็นระบบ Full Hybrid ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน คงไว้ซึ่งสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ
มาตรฐานด้านความปลอดภัย
เหนือระดับด้วยอีกขั้นของ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ "ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง" (Honda SENSING) ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ รวมถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนในทุกการเดินทาง ได้แก่
ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
พร้อมด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมียมที่จะติดตั้งในรุ่นที่จะทำการจำหน่ายในประเทศไทย อาทิ
ระบบกล้องส่องภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System)
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System)
ระบบเตือนเมื่อรถยนต์เคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor)