กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
นางสาวทัศนีย์ เมืองแก้ว รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเพาะปลูกกาแฟใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา เลย อุดรธานี และชัยภูมิ โดยผลพยากรณ์ปี 2562 (ปีเพาะปลูก 2561/62) ข้อมูล ณ เดือน ธันวาคม 2561 คาดว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเนื้อที่ให้ผล จำนวน 1,846 ไร่ ผลผลิต 116 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 63 กิโลกรัม/ไร่ โดยจังหวัดนครราชสีมามีเนื้อที่ให้ผลมากที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 825 ไร่ (ร้อยละ 45) ให้ผลผลิต 56 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 68 กิโลกรัม/ไร่
จากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 จังหวัดนครราชสีมา (สศท.5) พบว่า แหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของจังหวัดนครราชสีมา อยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว และอำเภอสูงเนินนิยมปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้า ซึ่ง พื้นที่อำเภอวังน้ำเขียวจะเป็นการผลิตแบบเกษตรกรรายใหญ่ในรูปแบบบริษัทเอกชน ในขณะที่อำเภอสูงเนิน นิยมปลูกในพื้นที่หมู่บ้านดงมะไฟ ต.มะเกลือเก่า เป็นการดำเนินการในรูปของวิสาหกิจชุมชนดงมะไฟ ซึ่งริเริ่มปลูกกาแฟเมื่อปี 2545 และดำเนินการมาอย่างจริงจังจนกระทั่งเป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อ "กาแฟดงมะไฟ" ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านการปลูกที่มีการเก็บเกี่ยวอย่างมีคุณภาพและบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
ด้านภูมิศาสตร์ พบว่า พื้นที่กาแฟที่ปลูกในจังหวัดนครราชสีมา จะอยู่ที่ระดับความสูง 400 - 700 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถูกห้อมล้อมด้วยผืนป่าแหล่งต้นน้ำลำธาร ทำให้กาแฟดงมะไฟ มีอัตลักษณ์ รสชาติกลมกล่อม กลิ่นหอม และที่สำคัญ มีระดับสารคาเฟอีน 1% (มีความเข้มข้นของคาเฟอีนระดับต่ำ ซึ่งดีต่อผู้ที่ชื่นชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ) และการนำกาแฟมาปลูกในพื้นที่นี้สามารถสร้างป่าต้นน้ำลำธารที่ดี สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างแหล่งเรียนรู้และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้ นอกจากนี้ สถานที่ปลูกกาแฟดงมะไฟ ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะ คือ พิธีรับขวัญแม่กาแฟที่จัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับชุมชนอีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบยั่งยืนให้กับชุมชนอีกด้วย
กาแฟดงมะไฟ ได้รับการจดขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications: GI) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 และในปี 2561 กาแฟดงมะไฟได้รับรางวัลมาตรฐาน SME Start up ในโครงการพัฒนาสู่สุดยอด SME จังหวัด (SME Provincial Champions)
ทั้งนี้ กาแฟ สามารถให้ผลผลิตตลอดทั้งปี โดยให้ผลผลิตในปีที่ 3 เป็นต้นไป และผลผลิตจะออกมากสุดในเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม สำหรับเกษตรกร หรือท่านที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมด้านการผลิตและการตลาดสินค้ากาแฟ หรือพืชเศรษฐกิจอื่นที่สำคัญในจังหวัด สามารถขอข้อมูลได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 5 โทรศัพท์ 0 4446 5120 หรืออีเมล zone5@oae.go.th