กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--แกล็กโซสมิทไคล์น
โรคถุงลมโป่งพองนับเป็นโรคร้ายใกล้ตัวที่เราอาจมองข้าม เพราะในทุกๆ วัน เราต่างสัมผัสและสูดหายใจเอามลพิษในอากาศเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ฝุ่นควันบนท้องถนน ฝุ่นควันจากการเผาไหม้ขยะและจากโรงงาน เป็นต้น รวมทั้งผู้สูบบุหรี่ ซึ่งหากมีการสูดดมเป็นปริมาณมากและติดต่อกันจนปอดเสื่อมสภาพจะทำให้เกิดเป็นโรคถุงลมโป่งพองได้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่วิธีการที่จะฟื้นฟูให้ปอดกลับคืนเป็นปกติทำให้โรคถุงลมโป่งพองกลายเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด ชมรม "ลมวิเศษ" จึงถูกจัดตั้งขึ้นกับภารกิจช่วยผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองให้มีกำลังใจต่อสู้กับโรคร้ายและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
นายวิริยะ จงไพศาล กรรมการภาคประชาสังคม ชมรมลมวิเศษ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น (ประเทศไทย) จำกัด หรือ จีเอสเค กล่าวว่า โรคถุงลมโป่งพองส่งผลกระทบต่อสุขภาพกาย รวมถึงสภาพจิตใจทั้งของผู้ป่วยและครอบครัว ตลอดจนผลกระทบทางด้านสังคม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตในมิติต่างๆ ทั้งค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาในระยะยาว การเสียโอกาสทางการทำงาน รวมไปถึงการมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงของผู้ป่วยและครอบครัวผู้ดูแล ด้วยเหตุนี้ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์และโครงการอุ่นใจเมื่อใกล้แพทยสมาคมฯ พร้อมด้วยจีเอสเค จึงได้จัดตั้งชมรม "ลมวิเศษ" ขึ้น เพื่อร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ในการสร้างความตระหนักถึงอันตรายของโรคถุงลมโป่งพองแก่ประชาชน พร้อมเสริมสร้างความรู้และให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ซึ่งแม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่หากมีการรักษาในระยะแรกก็จะลดความรุนแรงของอาการและยืดอายุของปอดให้ทำงานได้อีกนานๆ
"ภายใต้นโยบายการส่งเสริมสุขภาพดี จีเอสเค ในฐานะองค์กรนวัตกรรมที่มีเครือข่ายความรู้ด้านสุขภาพทั่วโลกพร้อมเป็นแนวร่วมในการสนับสนุนการดำเนินงานของแพทยสมาคมฯ ในการจัดตั้งชมรมลมวิเศษ โดยสนับสนุนการจัดทำสื่อสร้างเสริมความรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโรคถุงลมโป่งพอง เพื่อสื่อสารผ่านช่องทางเว็บไซต์และโซเชียลต่างๆ แก่ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองและครอบครัว เพื่อการดูแลผู้ป่วยอย่างถูกต้องและเหมาะสม ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตอกย้ำพันธกิจของจีเอสเคในการมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของมวลมนุษย์ เพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น ทำกิจกรรมได้มากขึ้น และมีอายุยืนยาวขึ้น" นายวิริยะกล่าว
โดยชมรมลมวิเศษได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้และพบปะผู้ป่วยทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เช่น จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงการพัฒนาสื่อความรู้ในการดูแลผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองผ่านช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย ทั้งเว็บไซต์ www.magicbreath.org โซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก ยูทูบ เพื่อการเข้าถึงของผู้ป่วยและครอบครัวผู้ดูแล และที่สำคัญคือการสร้างนวัตกรรมเพื่อการดูแลตนเองให้ง่ายขึ้นโดยการใช้ "กำไลวิเศษ" สายรัดข้อมืออัจฉริยะ พร้อม QR Code เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดียิ่งขึ้นและเกิดความปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยสายรัดข้อมืออัจฉริยะจะใช้เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นของผู้ป่วย เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อของครอบครัว โรงพยาบาลที่ผู้ป่วยใช้บริการเป็นประจำ รวมทั้งโรคที่ผู้ป่วยรับการดูแลรักษาอยู่ โดยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ผู้พบเห็นผู้ป่วยสามารถสแกน QR Code ที่กำไลวิเศษจะปรากฏข้อมูลของผู้ป่วยเพื่อประโยชน์ในการรักษา รวมทั้งข้อมูลเพื่อการดูแลยามฉุกเฉิน และข้อมูลทั่วไปสำหรับการดูแลรักษาโรคถุงลมโป่งพองต่างๆ
"ด้วยสังคมของการแบ่งปันจะนำไปสู่สังคมสุขภาพดี การดูแลผู้ป่วยในปัจจุบันและการป้องกันมิให้เกิดผู้ป่วยหน้าใหม่จะต้องอาศัยความร่วมมือในทุกมิติ ได้แก่ แพทย์ ผู้ป่วยและครอบครัวผู้ดูแลผู้ป่วย ตลอดจนภาคประชาสังคมต่างๆ ที่มีความต้องการจะช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นและพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์และนวัตกรรมในการดูแลผู้ป่วย รวมทั้งการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งจีเอสเคหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินการของชมรมลมวิเศษ ตลอดจนความร่วมมือของทุกภาคส่วนจะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ป่วยก้าวผ่านความทุกข์กังวลและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับครอบครัว" นายวิริยะ กล่าวในตอนท้าย