กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--IR PLUS
"เอ็กโซติค ฟู้ด" มั่นใจรายได้ปี 2562 ขยายตัว 10 - 15% ตามแผนงานเดิม หลังแนวโน้มการเติบโตในปี 2561 ผ่านฉลุย เปิดแผนธุรกิจปีนี้จ่อขยายฐานลูกค้าเพิ่ม และเพิ่มสินค้าใหม่ 5 - 10 รายการ เน้นสินค้ากลุ่มซอสปรุงรสเป็นดาวเด่นมาร์จิ้นสูง ลั่นจัดทัพเดินสายออกงานแสดงสินค้า อีกราว 15 - 18 งาน ด้านโบรกเกอร์แห่ปรับเป้าราคาเหมาะสม ให้ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 14.60 บาท มองจุดเด่น แผนการรุกตลาดใหม่ การปรับราคาขาย และล็อกต้นทุนวัตถุดิบ ส่งผลดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 63
นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้ส่งออกรายใหญ่ในผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรส และน้ำจิ้ม รวมทั้ง เครื่องแกง เครื่องประกอบอาหารไทย เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 2562 คาดจะเป็นอีกปีที่ดีของบริษัทฯ มีผลประกอบการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2561 ที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่ารายได้รวมจะเติบโตตามเป้าหมาย 10 - 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามแผนงานเดิมที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ปี 2561
ปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มาจากแผนการขยายฐานลูกค้าเพิ่ม โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดต่างประเทศเป็นหลัก จากปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายทั่วโลกประมาณ 60 ประเทศ สอดรับกับความต้องการสินค้ากลุ่มอาหารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั่วโลก ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 5 -10 รายการ โดยเน้นสินค้าประเภทซอสปรุงรสที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการผลิตและความต้องการผู้บริโภค และยังเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่น
โดยมองศักยภาพการทำกำไรของบริษัทฯ ในปีนี้ จะแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทฯ มุ่งเน้นด้านการบริหารต้นทุนวัตถุดิบเป็นอย่างมาก สะท้อนจากอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 2560 โดยในปี 2562 นี้ บริษัทฯ จะได้รับอานิสงส์จากการทำสัญญาจัดซื้อวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลและกระเทียม ในราคาที่ต่ำ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีศักยภาพในการปรับราคาขายให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก
"เรามั่นใจ ยอดขายในปีนี้ XO จะสามารถเติบโตเฉลี่ย 10 – 15% หลังเห็นทิศทางธุรกิจในปี 2561 เติบโตได้อย่างสวยงามตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเห็นสัญญาณบวกมาตั้งแต่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2561 บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แผนงานหลักปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศที่เป็นลูกค้าเดิมของเรา และประเทศใหม่ๆ โดยจะเดินสายออกงานแสดงสินค้าในปีนี้ประมาณ 15 - 18 งาน และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภายใน เพื่อรักษาระดับมาร์จิ้นให้ดีต่อเนื่องในปีนี้ได้" นายจิตติพร กล่าว
นายจิตติพร กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ในปี 2561 XO สามารถบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะดีต่อเนื่องในปีนี้ โดยราคากระเทียมที่เริ่มปรับลดลงมาตั้งแต่กลางปีก่อน ในราคากิโลกรัมละ 50 บาท จะสามารถใช้ราคาดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี 2562 ราคาน้ำตาลประเภทไซรัป ที่ใช้ในโรงงานใหม่ และราคาน้ำตาลทรายที่ใช้ในโรงงานเดิม เริ่มใช้เรทราคาต้นทุนใหม่ ที่ปรับลดลงจากปี 2561 เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำการเจรจากับคู่ค้าเพื่อขอทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และสามารถล็อกราคาต้นทุนน้ำตาลได้ยาวไปจนถึงกลางปี 2563 และล็อกราคาต้นทุนกระเทียมยาวไปจนถึงปลายปี 2563 ซึ่งเป็นระดับราคาต้นทุนที่ดีมาก
ด้านฝ่ายวิจัย บล. คันทรี่ กรุ๊ป ระบุ หลังจากที่ XO ได้รับผลดีจากต้นทุนหลักอย่างราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา เห็นได้จากผลประกอบการที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วง 3Q18 ที่มีกำไรสุทธิสูงถึง 68 ลบ. (+252%YoY,+56%QoQ) และรวมแล้วในช่วง 9M18 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157 ลบ. (+219%YoY) ซึ่งผลดีจากต้นทุนที่ลดลงนั้นทาง XO มีการล็อกราคาไว้จนถึงปี 2563 แล้ว แบ่งเป็นล็อกราคาน้ำตาลถึงช่วง 1H20 และกระเทียมถึง 2H20 (ต้นทุนทั้งสองส่วนประมาณ 15-20%) ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ XO ยังคงอยู่ในระดับสูงได้ต่อไปอีกอย่างน้อย 1.5 ปี
จากผลดีของการล็อกต้นทุนไว้ข้างต้นรวมกับการปรับราคาที่มีผลไปตั้งแต่ช่วง 3Q18 ที่ผ่านมา (ปรับราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1.5%-6.5%) นอกจากนี้ในปี 19 จะยังมีการออกสินค้าประเภทใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีการใช้กำลังการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ได้มากขึ้น อันจะทำให้ผลประกอบการยังคงเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส (จนถึงช่วง 1H19 ส่วน 2H19 เป็นต้นไปการเติบโตอาจจะไม่สูงนักเพราะฐานกำไรที่ค่อนข้างสูงแล้ว) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในงวด 4Q18 ที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตได้อย่างมาก (ส่วนหนึ่งจากฐานที่ค่อนข้างต่ำในช่วง 4Q17 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 10 ลบ.)
ด้วยกำไรสุทธิในช่วง 9M18 ของ XO ที่สูงถึง 157 ลบ. (+219%YoY) ขณะที่แนวโน้ม 4Q18 ที่คาดว่าผลประกอบการยังจะออกมาอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง (เบื้องต้นมีโอกาสที่ระดับ 60 ลบ.ใกล้เคียงกับ 3Q18) เราจึงคาดกำไรสุทธิในปี 18 ได้ใหม่ที่ 215 ลบ. ส่วนปี 19 ด้วยการเปิดตลาดใหม่ ผลดีจากการปรับราคาและต้นทุนที่ลดลงที่จะเข้ามาเต็มปี ทำให้เราประเมินกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 15%YoY มาอยู่ที่ระดับ 247 ลบ. สำหรับคำแนะนำการลงทุน ด้วยปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 14.60 บาท จึงแนะนำ "ซื้อ"