กรุงเทพฯ--17 ม.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจัดงานสัมมนาธุรกิจระหว่างไทยและสาธารณรัฐเช็ก (Thai-Czech Business Forum and Networking Lunch)โดยได้รับเกียรติจาก นายอันเดรจ บาบิส นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเช็ก, นางมาร์ทา โนวาโควา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าแห่งสาธารณรัฐเช็ก, นายสตานิสลาฟ คาเซคกี้ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐเช็ก, นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมงาน และกล่าวถึงความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศ โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ รวมไปถึงผู้แทนจากภาคเอกชนของสาธารณรัฐเช็กในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิอุตสาหกรรมการผลิต ไซเบอร์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เข้าร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนมุมมองการทำการค้าระหว่างกัน ณ ห้องบอลรูม 1-2 โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยมีความยินดีเป็นอย่างมากที่ได้ต้อนรับการมาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเช็กและคณะนักธุรกิจ การพบกันครั้งนี้เป็นเหมือนการทลายกำแพงทางการค้าของทั้ง 2 ชาติ ผ่านความร่วมมือและความเข้าใจระหว่างกันมากขึ้น โดยไทยกับสาธารณรัฐเช็กมีความสัมพันธ์ทางการฑูตมานานถึง 45 ปี และในอนาคตก็จะมีความร่วมมือทางการค้ามากขึ้นเพื่อพัฒนาผลิตภาพการผลิต หรือ Productivity ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ได้ อีกทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยยังมีบทบาทในการส่งเสริมอุตสาหกรรมทั้งหมดของประเทศ ผ่านการลงนามความร่วมมือทางการค้า หรือ MOU กับสาธารณรัฐเช็กมาตั้งแต่ปี 2556 ทำให้การทำธุรกิจของภาคเอกชนมีบทบาทมากขึ้น ถึงแม้เราจะมีความสัมพันธ์ทางการฑูตมาถึง 45 ปีแล้วก็ตาม
นาย อันเดรจ บาบิส นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐเช็ก เปิดเผยว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะมีการจัดประชุมหรือร่วมมือกับประเทศต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับการมาเยือนของสาธารณรัฐเช็กในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่พิเศษเป็นอย่างมาก เพราะนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทางการฑูตที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาเยือนด้วยตนเอง หากมองย้อนกลับไปในหลายทศวรรษก่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยนั้นได้ยืนอยู่บนพื้นฐานความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจมาตลอด และหลังจากการได้เข้าหารือกับนายกรัฐมนตรีของไทย นายประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้มีการหารือในเรื่องนโยบายการดำเนินเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับนโยบาย thailand 4.0 ซึ่ง ไทยกับสาธารรัฐเช็กจะร่วมมือกัน 3 ด้าน การพัฒนาด้านการวิจัยและพัฒนา หรือ R and D ,นวัตกรรม , และการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีระหว่างกัน โดยถือว่าประเทศไทยมีความสำคัญในการเป็นประตูเปิดไปสู่เอเชียแปซิฟิก