กรุงเทพฯ--18 ม.ค.--ปอร์เช่
สตุ๊ทการ์ท. หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกของโลกในรุ่นคูเป้ไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ ปอร์เช่ 911 คาบริโอเลต (Porsche 911 Cabriolet) ตัวถังเปิดหลังคาของยนตรกรรมสปอร์ต 911 ได้รับการเผยโฉมตามมาทันที ในฐานะตัวแทนรถสปอร์ตเปิด ประทุนระดับเรือธงที่ถือกำเนิดมายาวนานหลายสิบปี ประวัติศาสตร์แห่งความยิ่งใหญ่เริ่มต้นเมื่อปอร์เช่เปิดตัวรุ่น โปรโตไทป์ของ 911 คาบริโอเลต (911 Cabriolet) คันแรก ภายในงานมหกรรมยานยนต์นานาชาติ International Motor Show (IAA) ณ นครแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนกันยายน 1981: ผู้หลงใหลในยนตรกรรมสปอร์ตสัญชาติเยอรมัน ต่างประทับใจกับรูปโฉมอันสวยงามชวนมองในทันทีที่ได้สัมผัส หลังจากนั้น ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) รุ่นเปิดประทุน รุ่นแรกได้เดินทางออกจากสายการผลิตในปี 1982, และแน่นอนว่านี่คือหนึ่งในโมเดลที่ได้รับความนิยมตลอดมาตราบจน ปัจจุบันเวอร์ชันเปิดประทุนของยนตรกรรมสปอร์ตเปี่ยมเอกลักษณ์ระดับตำนานรุ่นล่าสุด กำลังจะเผยโฉมอีกครั้งในปี 2019 อย่างที่หลายฝ่ายไม่ได้คาดการณ์ไว้ รถสปอร์ตระดับตำนานโมเดลล่าสุดนี้เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีล้ำยุค เฉกเช่นเดียวกับรุ่นคูเป้ พร้อมเสริมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ได้รับการติดตั้งเป็นพิเศษเฉพาะรุ่นคาบริโอเลต Cabriolet อาทิ ระบบเปิด-ปิดหลังคาประทุนด้วยไฮดรอลิกที่ทำงานรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ยนตรกรรมสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด ยังคงสะท้อนภาพของทรวดทรงตัวถังที่ทันสมัยไม่แตกต่างจากรุ่นคูเป้ รักษาเอกลักษณ์ ของปอร์เช่ 911 ในรูปแบบเปิดประทุน Cabriolet (Porsche 911 Cabriolet) ตั้งแต่อดีตมาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ หลังคาประทุนเปิดปิดอัตโนมัติ ซึ่งรวมเอากระจกบังลมหลังไว้ด้วยกันอย่างเหมาะสมลงตัว โครงสร้างของหลังคาเสริม ความแข็งแกร่งด้วยวัสดุแมกนีเซียมสามารถป้องกันอาการยกตัวของหลังคาเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี หลังคา ประทุนเปิดและปิดได้ที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบไฮดรอลิกแบบใหม่ลดระยะเวลาในการทำงานได้ถึง 12 วินาที พร้อมกับอุปกรณ์ป้องกันกระแสลมย้อนกลับควบคุมด้วยไฟฟ้าหรือ electrically extendable wind deflector รับหน้าที่ป้องกันบริเวณท้ายทอยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากแรงกระแทกของลม
ปอร์เช่ 911 คาบริโอเลต (Porsche 911 Cabriolet) เพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย เริ่มต้นด้วยรุ่นคาร์เรร่า เอส (Carrera S)* ขับเคลื่อนล้อหลัง และตามด้วยรุ่นคาร์เรร่า 4 เอส (Carrera 4S)* ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ทั้ง 2 รุ่นประจำการด้วยขุมพลังเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบนอน ขนาดความจุกระบอกสูบ 2,981 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุดถึง 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) ที่ 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดกว่า 530 นิวตันเมตร พร้อมรองรับทุกสถานการณ์ การขับขี่ระหว่าง 2,300 จนถึง 5,000 รอบต่อนาที สมรรถนะการขับขี่ได้รับการพัฒนาให้ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น ในขณะที่ปริมาณไอเสียที่ปล่อยออกจากเครื่องยนต์ลดน้อยลง เป็นผลจากการปรับแต่งเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง; สำหรับนวัตกรรมเทคโนโลยีอื่นที่ได้รับการติดตั้งลงในตัวรถ ได้แก่ ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จและ ระบบประจุไอดีรูปแบบใหม่ กำลังมหาศาลจะถูกถ่ายทอดไปยังล้อขับเคลื่อนผ่านเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ คลัทช์คู่ 8 จังหวะที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่ ในรุ่นคาร์เรร่า เอส (Carrera S) ให้อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 3.9 วินาที (เมื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package: สามารถทำได้ที่ 3.7 วินาที) ทะยานทะลุพิกัดความเร็วสูงสุดกว่า 306 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในส่วนของคาร์เรร่า 4 เอส (Carrera 4S) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 304 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเร่งออกตัวจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที (เมื่อติดตั้งอุปกรณ์พิเศษชุดแต่งเพิ่มสมรรถนะ Sport Chrono Package จะสามารถทำได้ที่ 3.6 วินาที)
ขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ได้รับการพัฒนาตำแหน่งจุดยึดในห้องเครื่องให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์เดินเรียบ และต้านทานการสั่นสะเทือนได้ดียิ่งกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นับเป็นครั้งแรกสำหรับการติดตั้งระบบ ควบคุม เสถียรภาพการทรงตัวด้วยอิเล็กทรอนิกส์ Porsche Active Suspension Management (PASM) sport chassis ในปอร์เช่ 911 คาบริโอเลต (Porsche 911 Cabriolet) ชุดสปริงของช่วงล่างมีค่าความแข็งที่เพิ่มขึ้นและมีจำนวนขดสปริงที่สั้นลง เหล็กกันโคลงหน้าและหลังได้รับการปรับปรุงให้รับภาระได้มากขึ้น รวมทั้งระดับความสูงของช่วงล่างที่ลดลงถึง 10 มิลลิเมตร การปรับแต่งทั้งหมดช่วยให้ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ตอบสนองต่อการบังคับควบคุมด้วยอาการที่เป็นกลาง และยึดเกาะได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพถนนอันเป็นผลจากการกระจายน้ำหนักที่สร้างดุลยภาพได้อย่างดีเยี่ยม
การออกแบบตัวถังภายนอกสะท้อนความเป็นสปอร์ตพันธุ์แท้ 911 จากรุ่นสู่รุ่น
ปอร์เช่ 911 คาบริโอเลต ใหม่ (The new Porsche 911 Cabriolet) มีขนาดความกว้างเพิ่มขึ้น กร้าวแกร่ง ดุดันยิ่งขึ้น และเหนือชั้นยิ่งกว่า ซุ้มล้อที่ได้รับการขยายเพื่อรองรับล้ออัลลอยคู่หน้าขนาด 20 นิ้ว และคู่หลังขนาด 21 นิ้ว สำหรับโมเดลล่าสุดนี้ ตัวถังในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังได้รับการปรับมาใช้รูปแบบเดียวกับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้งนี้มิติตัวถัง ด้านท้ายมีขนาดกว้างขึ้นถึง 44 มิลลิเมตร ขณะที่มิติตัวถังด้านหน้าในทุกรุ่นมีขนาดกว้างขึ้นถึง 45 มิลลิเมตร ผลลัพธ์จากการปรับแต่งรูปทรงตัวถังภายนอกโดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ทุกเจเนอเรชัน เอาไว้อย่างเหนียวแน่น: ฝากระโปรงหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจนวางตัวต่อเนื่องกับกระจก บังลมหน้าที่ให้ทัศนวิสัย ปลอดโปร่งยิ่งขึ้น ทั้ง 2 ส่วนดังกล่าวทำให้มุมมองด้านหน้าของรถดูยาวและสร้างภาพลักษณ์ที่พร้อมจะทะยานไปข้างหน้า ตลอดเวลา
ตัวถังด้านท้ายรถในทุกรุ่นบ่งบอกถึงขนาดความกว้างที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เสริมความสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยสปอยเลอร์ หลังปรับระดับได้หลายตำแหน่ง เรียบหรูงามสง่าด้วยแผงไฟท้าย light bar คาดยาวตลอดแนวตัวถัง ทุกส่วนประกอบ ของชิ้นงานตัวถังภายนอกล้วนแล้วแต่ได้รับการผลิตขึ้นด้วยอะลูมิเนียมที่แข็งแกร่งและมีน้ำหนักเบา
งานออกแบบภายในที่เด่นชัดด้วยอัตลักษณ์
การตกแต่งภายในห้องโดยสารสมบูรณ์แบบด้วยบุคลิกที่เด่นชัด เป็นผลจากความปลอดโปร่งที่เกิดขึ้นด้วยแนวเส้นตรงของ แผงคอนโซลและแผงหน้าปัทม์ ซึ่งแรงบันดาลใจในการออกแบบได้รับอิทธิพลจากปอร์เช่ 911 (Porsche 911) รุ่นบุกเบิก มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ติดตั้งบริเวณกึ่งกลาง อันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมของปอร์เช่ประกบด้วยหน้าจอแสดงข้อมูลการ ขับขี่ทั้งฝั่งซ้ายและขวาบริเวณคอนโซลกลางเป็นตำแหน่งหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงของระบบ Porsche Communication Management (PCM) ขนาดใหญ่ถึง 10.9 นิ้ว ใช้สำหรับควบคุมและสั่งการทำงานของฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ปลอดภัยและสะดวกสบายเหนือระดับด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่สุดล้ำ
นับเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับการติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ Wet mode ในยนตรกรรมปอร์เช่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบดังกล่าวจะรับหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำที่ขังอยู่บนพื้นผิวเส้นทาง ปรับแต่งระบบควบคุมอื่นๆ และส่งสัญญาณ เตือนไปยังผู้ขับขี่ เพื่อเตรียมความพร้อมล่วงหน้าให้แก่รถยนต์ทั้งคัน ตอบสนองต่อความปลอดภัยสูงสุดในสถานการณ์สุ่ม เสี่ยง เพียงกดปุ่มสั่งการทำงานหรือปรับตั้งผ่านชุดสวิทช์เลือกโปรแกรมการขับขี่บนพวงมาลัย (เมื่อติดตั้งชุดแต่งเพิ่ม สมรรถนะ Sport Chrono Package) นอกจากนี้ ระบบ warning and brake assist ซึ่งได้รับการติดตั้ง เป็นมาตรฐานเช่นเดียวกัน จะรับหน้าที่ตรวจสอบอัตราเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดการเฉี่ยวชนจากวัตถุเคลื่อนไหวอื่นๆ และสั่งการ เบรกฉุกเฉินล่วงหน้าในกรณีที่จำเป็น ระบบเตือนการกะระยะขณะจอดหรือ park assistant ทำงานร่วมกับกล้องมองหลัง reversing camera ได้รับการติดตั้งเป็นมาตรฐานในรุ่นคาบริโอเลต (Cabriolet) เติมเต็มความปลอดภัย ด้วยระบบเพิ่ม ทัศนวิสัยยามกลางคืน Night Vision Assist พร้อมกล้องตรวจจับวัตถุด้วยอุณหภูมิ thermal imaging camera อุปกรณ์พิเศษติดตั้งเพิ่มเติมที่สามารถเลือกได้เป็นครั้งแรกสำหรับปอร์เช่ 911 (Porsche 911) ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ขับขี่ยัง สามารถเลือกติดตั้งระบบควบคุมความเร็วและระยะห่างแบบแปรผันอัตโนมัติ adaptive cruise control includes au-tomatic distance control ระบบตัดและต่อการทำงานของเครื่องยนต์ stop-and-go และระบบ reversible occupant protection
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเลต (Porsche 911 Carrera S Cabriolet) และ ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า 4 เอส คาบริโอเลต (Porsche 911 Carrera 4S Cabriolet) เปิดรับคำสั่งซื้อแล้ววันนี้ ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับภาษีมูลค่าเพิ่มและอุปกรณ์มาตรฐานในแต่ละประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมรถยนต์ปอร์เช่ เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส ทุกสาขา
ติดตามภาพประกอบเนื้อข่าวได้จาก Porsche Newsroom (http://newsroom.porsche.com) และข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสื่อมวลชนจาก Porsche press database (http://presse.porsche.de)
ปอร์เช่ *911 คาร์เรร่า เอส คาบริโอเลต (Porsche 911 Carrera S Cabriolet): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.9 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 9.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 208 กรัมต่อกิโลเมตร
ปอร์เช่ 911 คาร์เรร่า 4 เอส คาบริโอเลต (Porsche 911 Carrera 4S Cabriolet): อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 11.1 กิโลเมตรต่อลิตร หรือ 9.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร; อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 207 กรัมต่อกิโลเมตร
อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงและอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้รับการตรวจสอบตามมาตรฐานสากลที่สอด คล้องกับวิธีการ Light Vehicle Test Procedure (WLTP) ล่าสุด สำหรับค่าการตรวจวัดอัตราบริโภคน้ำมันตามมาตรฐาน NEDC ที่ระบุในบทความนี้ ใช้อ้างอิงได้เฉพาะสภาพการทดสอบในช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบ กับค่าการตรวจวัดอัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงของ NEDC ที่ได้จากวิธีการอื่นใดก่อนหน้าการทดสอบนี้
สำหรับข้อมูลอย่างเป็นทางการของผลทดสอบอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าการปล่อยไอเสีย CO2 emissions ในรถยนต์รุ่นใหม่อื่นๆ สามารถค้นหาได้จากเอกสาร "Guidelines on fuel consumption, CO2 emissions and power consumption of new passenger cars" [Leitfaden ueber den Kraftstoffverbrauch, die CO2-Emissionen und den Stromverbrauch neuer Personenkraftwagen], ผ่านตัวแทนจำหน่ายและสถาบัน Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 13 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after YOU and your CAR" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name you can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี