กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--เฟลชแมน ฮิลลาร์ด
- Ajinomoto Co., Inc. ("บริษัท Ajinomoto") ได้พัฒนา AminoIndexTM ตรวจหาความเสี่ยง (AIRSTM) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตรวจหาโรคมะเร็งและโรคในชีวิตประจำวันทั่วไป
- บริษัท Ajinomoto หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถขยายการใช้งานเครื่องมือที่ทรงคุณค่านี้ไปยังประเทศอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต
ทำไมคนญี่ปุ่นถึงอายุยืน?
ข้อเท็จจริงที่ว่าคนญี่ปุ่นมีอายุขัยยืนยาวที่สุดในโลก โดยคนญี่ปุ่นมักใช้ชีวิตไปพร้อมๆ กับการรักษาสุขภาพให้ดีกว่าชนชาติอื่นเมื่อเข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ข้อเท็จจริงนี้มีการบันทึกไว้เป็นอย่างดี ซึ่งการมีชีวิตที่ยืนยาวเป็นหนึ่งในสิ่งที่เรามุ่งเน้นและได้พูดคุยไปในจดหมายข่าวฉบับที่ 5 และฉบับที่ 8 "บริษัท Ajinomoto Co. จะสามารถส่งต่อวิถีชีวิตยืนยาวแบบญี่ปุ่นได้หรือไม่?".
หลายทฤษฎีพยายามค้นหาคำตอบว่าเป็นเพราะอาหารที่คนญี่ป่นรับประทาน? เป็นเพราะกรรมพันธุ์? เป็นเพราะแนวโน้มสังคมคนญี่ปุ่นมีความใกล้ชิดกันมาก มีการช่วยเหลือระหว่างคนในสังคมและครอบครัวสำหรับผู้ที่สุขภาพไม่แข็งแรง? หรือบางทีอาจเป็นเพราะการออกกำลังกาย1? คำถามนี้เป็นคำถามที่น่าค้นหาคำตอบอย่างยิ่ง เนื่องจากเราทราบกันดีว่าคนญี่ปุ่นมีชื่อเสียงเรื่องความเครียดในชีวิตประจำวันสูง ทำงานหลายชั่วโมงต่อวัน และมีอัตราการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูง
ปัจจัยหนึ่งที่เราทราบแน่นอนว่าส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคุณญี่ปุ่นในวัยสูงอายุคือ ระบบดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการตรวจสุขภาพเป็นประจำ แน่นอนว่าการตรวจสุขภาพเป็นประจำนั้นมีอยู่ทั่วโลก แต่ในญี่ปุ่นจัดให้มีการตรวจสุขภาพสำหรับนักเรียนทุกคนในโรงเรียน ในที่ทำงาน และในระบบดูแลสุขภาพทั่วไปสำหรับชุมชนและในรัฐบาลท้องถิ่น ขณะที่ในประเทศอื่น ๆ การตรวจสุขภาพนั้น มักกระทเมื่อผู้คนรู้สึกว่าต้องมีการตรวจสุขภาพ ในทางกลับกันการตรวจสุขภาพเป็นเรื่องปกติในญี่ปุ่น แน่นอนว่าผลของการตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ และปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ จะช่วยให้คนในสังคมมีสุขภาพดีขึ้น
Kenkoshindan: การตรวจสุขภาพเป็นประจำในญี่ปุ่น
ผลวิจัยทางสถิติดูเหมือนจะสนับสนุนแนวคิดนี้ ยกตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นใช้งบประมาณเพียง 10% ของ GDP ในการดูแลสุขภาพ ขณะที่ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ ใช้งบประมาณมากกว่าถึง17% และทั้งๆ ที่มีการใช้งบประมาณน้อยกว่า แต่กลับพบว่าอัตราผู้มีสุขภาพดีและอายุขัยยืนยาวนั้นกลับสูงที่สุดในโลก1
การลงทุนด้านสุขภาพ: ญี่ปุ่นเทียบกับสหรัฐอเมริกา
*1: รวมค่าใช้จ่ายของรัฐและค่าใช้จ่ายของเอกชน
แต่ยังพอมีโอกาสที่จะสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกได้
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ที่ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการตรวจสุขภาพอย่างแพร่หลายนี้ แต่ระบบก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ ยังมีส่วนที่สามารถพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ นั่นคือ การตรวจหามะเร็ง ในปี พ.ศ. 2559 มีผู้ชายประมาณ 40% ถึง 50% และผู้หญิงประมาณ 30% ถึง 40% เท่านั้นที่เข้ารับการทดสอบเพื่อตรวจหามะเร็งทั่วไป2 และจริง ๆ แล้วอัตรานี้ยัง ต่ำกว่า ในประเทศอื่น3
ทำไม? เหตุผลยังไม่ชัดเจนนัก แต่เป็นไปได้ว่ามีปัจจัยต่าง ๆ เช่น เวลา ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม การขาดความรู้สึกถึงความจำเป็นในการตรวจ และความกลัวที่จะทราบว่าตนอาจอยู่ในกลุ่มเสี่ยง
การตรวจหามะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้นสามารถเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้มากกว่า 5 ปี ซึ่งการตรวจหามะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ได้สำคัญเฉพาะสำหรับบุคคลที่ตรวจเท่านั้น แต่ยังสำคัญกับสังคมโดยรวมด้วย ศูนย์มะเร็งแห่งชาติของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่ามีผู้เสียชีวิตประมาณ 300,000 ราย เนื่องจากมะเร็งในแต่ละปี นั่นหมายความว่ามี 300,000 ครอบครัวที่ต้องทุกข์ทรมานกับการสูญเสียคนที่รักไปเนื่องจากมะเร็ง5 และเมื่อพูดถึงประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว คาดว่ามีการสูญเสียรายได้จากการลาป่วยอันเกี่ยวเนื่องกับมะเร็งกว่า 9.5 ล้านล้านเยน (เกือบ 8.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ)6.
อัตราการรอดชีวิต 5 ปีสำหรับมะเร็งระยะที่ 1 ถึงระยะที่ 4
AminoIndex TM การตรวจหามะเร็ง: ตอบโจทย์ความต้องการที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
นี่เป็นเหตุผลที่แสดงอย่างชัดเจนว่าทำไม Ajinomoto Co., Inc. ("บริษัท Ajinomoto") ถึงได้พัฒนา AminoIndexTM การตรวจหามะเร็ง (AICSTM) ขึ้นมา เนื่องจากประวัติอันยาวนานของเราในการวิจัยเกี่ยวกับกรดอะมิโน เราเข้าใจถึงสมดุลความเข้มข้นของกรดอะมิโนในเลือดที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งสะท้อนถึงสุขภาพของบุคคลหนึ่ง ๆ และนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีการตรวจหามะเร็งอย่างง่าย สามารถเพิ่มความเป็นไปได้ในการตรวจจับมะเร็งไปพร้อมกับการใช้วิธีทดสอบเพื่อตรวจหามะเร็งวิธีอื่น ๆ
AICSTM เป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานง่ายสำหรับทั้งแพทย์และผู้ป่วย ซึ่งใช้เลือดจากผู้ป่วยเพียง 5 มิลลิลิตรในการพบแพทย์หนึ่งครั้ง ในผู้ชายจะเป็นการตรวจหามะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก ขณะที่ในผู้หญิงจะเป็นการตรวจหามะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก และมะเร็งรังไข่
ซึ่งจะเป็นการวิเคราะห์ความเข้มข้นของกรดอะมิโนจำนวน 19 ชนิด ตามฐานข้อมูลประวัติผู้ป่วยที่มีอยู่นั้น เราทราบถึงข้อมูลความเข้มข้นปกติของกรด อะมิโนในภาวะปกติของบุคคลหนึ่ง ๆ ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะสำหรับมะเร็งแต่ละชนิด ได้รับการทดสอบในการเปรียบเทียบข้อมูลเฉพาะของผู้ป่วยกับฐานข้อมูลดังกล่าว เราสามารถตรวจหามะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลความเข้มข้นของกรดอะมิโนเปลี่ยนเมื่อสภาวะสุขภาพเปลี่ยน
ที่มา: ดัดแปลงจากหนังสือ Ajinomoto Group Sustainability ปี 2561
รู้ทันโรคมะเร็ง
ข้อมูลความเข้มข้นของกรดอะมิโนที่เปลี่ยนไปเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการป่วยได้มากมายหลายประเภท ไม่ใช่แค่มะเร็ง ผลลัพธ์คือ บริษัท Ajinomoto ได้พัฒนา AminoIndexTM การตรวจหาโรคที่มากับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน (AILSTM), ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่สำคัญเดียวกันนี้เพื่อตรวจหา "โรคที่มากับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน" เช่น โรคเบาหวาน ปัจจุบันเรากำลังทำการวิจัยด้านการรักษาที่ AILSTM จะเข้ามามีประโยชน์
การเริ่มต้นที่ดี
เป็นที่ทราบกันดีว่าระบบสุขภาพในแต่ละประเทศนั้นต่างกัน ในบางประเทศเช่น เปรู มีช่องว่างระหว่างในเมืองกับชนบทอย่างเห็นได้ชัดเกี่ยวกับเครื่องมือการตรวจหาและคัดกรองโรคมะเร็ง รวมถึงความแตกต่างกันในโรงพยาบาลของรัฐกับโรคพยาบาลเอกชนด้วย ในประเทศอื่น ๆ รวมถึงสิงคโปร์ มีการเร่งพัฒนาเครื่องมือการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองกับจำนวนผู้ป่วยมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้น และดูเหมือนว่าประเทศอื่น ๆ ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ต่างหันมาให้ความสนใจในการป้องกันโรคมะเร็งเพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายรุนแรงที่นำมาสู่ครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตใจ การเงิน
เมื่อเปรียบเทียบกับการตรวจหามะเร็งด้วยวิธีอื่น ๆ แล้ว พบว่า AICSTM เป็นวิธีค่อนข้างใหม่ และปัจจุบันได้มีการศึกษาวิจัยในญี่ปุ่นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีชาวญี่ปุ่นกว่า 150,000 คนได้เข้ารับการทดสอบ และเราคาดว่าจะมีผู้เข้ารับการทดสอบอีกหลายแสนคนในปีต่อ ๆ ไป
ยิ่งไปกว่านั้น บริษัท Ajinomoto หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ในการนำเทคโนโลยี AIRSTM ไปใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละคน เพราะเราถือว่าภารกิจนี้เป็นความรับผิดชอบของเราขณะที่เรามุ่งเน้นช่วยเหลือผู้คนทั่วโลกที่ต้องการแสวงหาชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี
เกี่ยวกับบริษัท Ajinomoto Co., Inc.
บริษัท Ajinomoto เป็นผู้ผลิตเครื่องปรุง อาหารแปรรูป เครื่องดื่มคุณภาพสูง รวมถึงผลิตภัณฑ์กรดอะมิโน ยารักษาโรค และสารเคมีคุณลักษณะพิเศษ เป็นเวลาหลายปีแล้วที่บริษัท Ajinomoto ได้สนับสนุนวัฒนธรรมด้านอาหารและสุขภาพมนุษย์ผ่านการใช้เทคโนโลยีกรดอะมิโนอย่างกว้างขวาง ปัจจุบันบริษัทได้มีความเกี่ยวโยงเพิ่มขึ้นกับแนวทางเพื่อการพัฒนาแหล่งทรัพยากรอาหาร สุขภาพมนุษย์ และความยั่งยืนสากล บริษัทก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2452. และตอนนี้ดำเนินกิจการใน 35 ประเทศและภูมิภาค บริษัท Ajinomoto มียอดขายสุทธิในปีงบประมาณ 2560 จำนวน 1,150.2 พันล้านเยน (10,360 ดอลล่าร์สหรัฐ) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท Ajinomoto (TYO: 2802), กรุณาเยี่ยมชมที่ www.ajinomoto.com./