กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--หอการค้าไทย
คุณสนั่น อังอุบลกุล กล่าวว่าในปัจจุบัน ภาครัฐ ให้ความสำคัญกับการขยายความเชื่อมโยง ทางการค้าและการลงทุน กับกลุ่มประเทศ CLMV ตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นการเสริมสร้าง ความร่วมมือในลักษณะการเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) ระหว่างไทยกับ กลุ่มประเทศ CLMV เพื่อช่วยสร้างความเจริญเติบโตอย่างทั่วถึงและพัฒนาในภูมิภาคร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งเมื่อพิจารณาศักยภาพของประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูงในปัจจุบัน โดยทาง IMF ได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกัมพูชา จะเติบโตขึ้น 6.8% ลาว 7% เมียนมา 6.8% และเวียดนาม 6.5% โดยการเติบโตดังกล่าวจะมาจากการส่งออกและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(FDI) อีกทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลให้รายได้ต่อหัวของประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV มีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ กลุ่มประเทศ CLMV ยังได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี (GSP) จากสหรัฐฯและยุโรป จึงถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย ในการทำการค้า และการลงทุนในกลุ่ม CLMV อีกทั้งสินค้าไทยเอง ก็เป็นที่นิยมกับตลาด CLMV และยังมีความใกล้ชิด รู้จักขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมระหว่างกันอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการสารพลังประชารัฐ D4 ซึ่งมีคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นหัวหน้าฝ่ายภาครัฐ และผมนายสนั่น อังอุบลกุลรองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นหัวหน้าภาคเอกชน ได้มีแนวคิดในการจัดทำโครงการ Knowledge Tank พร้อมทั้ง ได้จัดตั้ง "สถาบันที่ปรึกษาอัจฉริยะการค้าและการลงทุน (Advising Investment and Trade Institute : AITI)" ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการดังกล่าว โดยมีหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการ
ซึ่งสถาบัน AITI ถือเป็นอีกมิติใหม่ของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงข้อมูลการค้าการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว เข้าใจง่าย และสถาบันได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนต่างๆ เพื่อลดความซับซ้อนระหว่างกัน
นอกจากนี้ทางคุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ ยังได้กล่าวว่า สถาบันที่ปรึกษาอัจฉริยะการค้าและการลงทุน ซึ่งอยู่ภายใต้ "หอการค้าไทย" และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยจะเป็นผู้ให้บริการ นั้น จะมีกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของสถาบันนี้ คือ กิจกรรม Mentorship Program จะแตกต่างจากการอบรมหรือให้คำปรึกษา (Coaching) ซึ่งกิจกรรม Mentorship Program จะเป็นการจับคู่กับระหว่าง Mentor และ Mentee เพื่อช่วยให้คำปรึกษา แบ่งปันเคล็ดลับระหว่างกันอย่างใกล้ชิด โดยเราได้รับเกียรติจาก นักธุรกิจชั้นนำของประเทศที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนในต่างประเทศ เข้าร่วมเป็น Mentor ซึ่งท่านทั้งหลายก็ได้สละเวลาอันมีค่า เพื่อเข้าร่วมเป็น Mentor ในกิจกรรมดังกล่าว
นอกจากกิจกรรมดังกล่าวแล้ว " สถาบันที่ปรึกษาอัจฉริยะการค้าและการลงทุน (Advising Investment and Trade Institute : AITI)" ยังได้มีวัตถุประสงค์ของการดำเนินการดังนี้
- เพื่อเป็นศูนย์กลางในการจัดทำฐานข้อมูลด้านการค้า การลงทุน ที่ทันต่อเหตุการณ์โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV และผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
- เป็นศูนย์ให้คำแนะนำ ปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุน การประกอบธุรกิจในกลุ่ม CLMV
- เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยง เผยแพร่ และวิเคราะห์ ผลการประชุม งานสัมมนา งานวิจัย ที่ทันสมัยด้านการค้า การลงทุนในอาเซียนที่จัดทำโดยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา
- ให้บริการ การวิเคราะห์ วิจัย เกี่ยวกับการค้า การลงทุนในประเทศอาเซียนตามความต้องการ (on demand) ของภาคธุรกิจ
- เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ให้รู้จักพัฒนาฐานข้อมูลของกิจการ แลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูล และนำความรู้จากศูนย์ข้อมูลไปใช้ อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ ผู้สนับสนุนที่ทำให้สถาบันนี้เกิดขึ้นได้ ได้แก่หอการค้าไทยและ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK / บริษัท บ้านปู จำกัด(มหาชน) / บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) / บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด/ กระทรวงพาณิชย์ / กระทรวงการต่างประเทศ สถาบันระหว่างประเทศ เพื่อการค้าและการพัฒนา (ITD) และหน่วยงานพันธมิตร ที่เกี่ยวข้อง