กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ โครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ สรุปความสำเร็จแคมเปญ "Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว" ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติมากกว่า 10 ล้านคน โดยลงพื้นที่ช่วยต้นไม้ขนาดใหญ่ได้กว่า 500 ต้น พร้อมย้ายสู่บ้านหลังใหม่ภายในโครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ บนพื้นที่ที่จัดสรรให้ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในกำแพงธรรมชาติที่สามารถดักฝุ่น PM 2.5 มากถึง 700 กิโลกรัมต่อปี
นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า "ที่ผ่านมา โปรเจกต์แฟลกชิพ "THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์" ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกที่มุ่งมั่นนำเสนอโมเดลการใช้ชีวิตที่เข้ากับระบบนิเวศอันสมดุลเพื่อความสุขที่ยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Imagine Happiness" ความสุขในการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติระบบนิเวศขนาดใหญ่ นำเสนอแคมเปญ "Forest Rescue – ฟอเรส เรสคิว" ปฏิบัติการกู้ชีพต้นไม้รอบกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติและต้นไม้ใหญ่ในเมือง ควบคู่กับการจัดตั้งทีมปฏิบัติการ หรือ Forest Rescue Team กระจายตัวลงพื้นที่เพื่อสำรวจ บำบัด และให้ความช่วยเหลือในการขนย้ายต้นไม้จากแหล่งพื้นที่เดิมที่ไม่เหมาะสมไปยังบ้านหลังใหม่ที่มีระบบนิเวศขนาดใหญ่ ภายในโครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ บนพื้นที่ที่จัดสรรในการรองรับประมาณ 3 ไร่ หรือ 4,800 ตารางเมตร"
ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้สร้างการรับรู้และตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของธรรมชาติให้กับกลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศไทย โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลได้มากกว่า 10 ล้านคน ปัจจุบัน ทีมงานได้วิเคราะห์และประเมินข้อมูลของต้นไม้ที่ถูกนำเสนอเรื่องราวความช่วยเหลือกว่า 500 ต้น สำหรับต้นไม้ที่ได้ให้การช่วยเหลือ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่มีอายุเฉลี่ย 5-10 ปีขึ้นไป อาทิ ต้นจามจุรี ต้นก้ามปู ต้นพญาสัตบรรณ ต้นหูกระจง ต้นมะขาม ต้นมะม่วง เป็นต้น ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อมนุษย์และสัตว์ มีคุณสมบัติในการดูดซับก๊าซที่เป็นพิษต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ เป็นต้น พร้อมทั้งสามารถสร้างก๊าซออกซิเจนกลับคืนได้ถึง 100 – 125 ล้านลิตรต่อปี (ค่าเฉลี่ยต้นไม้ 1 ต้น สามารถผลิตก๊าซออกซิเจนได้ 200,000 – 250,000 ลิตรต่อปี) เท่ากับรองรับความต้องการก๊าซออกซิเจนของมนุษย์ได้ถึง 1,000 คนต่อปี หรือดักจับอนุภาคฝุ่นละออง ควัน และไอพิษต่างๆ โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพได้ถึง 700 กิโลกรัมต่อปี (ค่าเฉลี่ยต้นไม้ 1 ต้น ดักจับอนุภาคฝุ่นได้ 1.4 กิโลกรัมต่อปี)
สอดคล้องกับงานวิจัยโดยหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า "บริเวณพื้นที่ต้นไม้ใหญ่ที่ทีมวิจัยออกสำรวจพบว่าอนุภาคฝุ่นละอองลดลงประมาณ 7 – 24% และบริเวณนั้นมีอุณหภูมิเฉลี่ยลดลง เป็นผลมาจากการคายน้ำของต้นไม้แสดงให้เห็นว่าต้นไม้สามารถช่วยแก้ปัญหาหมอกควันในเมืองได้จริง" นอกจากนี้ ในเมื่อปี ค.ศ. 2017 ยังมีรายงานที่เผยแพร่ลงในวารสาร Atmospheric Environment ชี้ว่า "ต้นไม้ใหญ่ช่วยดูดซับมลพิษแค่ในพื้นที่เปิดโล่ง แต่สำหรับในเมือง "พุ่มไม้" เหมาะที่สุดในการดักจับฝุ่นควันที่ส่วนใหญ่แล้วมาจากท่อไอเสียรถยนต์ เนื่องจากบางครั้งต้นไม้ใหญ่ก็สูงเกินไปที่จะจัดการกับมลพิษบนท้องถนน"
ทั้งนี้ ต้นไม้ทุกต้นจะได้รับการดูแลจนกลับมาเป็นต้นไม้ใหญ่ที่แข็งแรง พร้อมเป็นต้นไม้พี่เลี้ยงให้กับต้นกล้าที่โครงการปลูกด้วยเมล็ด รวมทั้งสิ้นมากกว่า 30,000 ต้น ภายใต้ทฤษฎีการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืน หรือ Eco-Forest ทำให้เกิดระบบนิเวศที่หลากหลายครอบคลุมพื้นที่ของผืนป่าสาธารณะ "Forest at THE FORESTIAS – ฟอเรส แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์" จำนวนทั้งสิ้น 30 ไร่ หรือ 48,000 ตารางเมตร โดยเมื่อโครงการเสร็จสิ้นแล้วจะเปิดบางส่วนเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อให้ประชาชนเข้าชม พักผ่อน หรือศึกษาระบบนิเวศธรรมชาติโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณก๊าซอ๊อกซิเจนในอากาศได้สูงถึง 6,000 – 7,500 ล้านลิตรต่อปี ดักจับฝุ่นได้มากถึง 420,000 กิโลกรัมต่อปี และทำให้อุณหภูมิในบริเวณพื้นที่มีอุณหภูมิลดลงประมาณ 2-4 องศาเซลเซียส
เกี่ยวกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC)
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) คือธุรกิจภายใต้กลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบไปด้วย บ้าน คอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูส พร้อมดำเนินธุรกิจภายใต้คำมั่นสัญญา 'for all well-being'MQDC ได้พัฒนาที่อยู่อาศัยและโครงการมิกซ์ยูสที่เน้นความหรูหราภายใต้แบรนด์ แมกโนเลียส์ และโครงการที่เน้นการใช้ชีวิต แบบคนเมืองยุคใหม่ ภายใต้แบรนด์ วิสซ์ดอม และยังได้สร้างบริษัทน้องใหม่อย่าง บริษัท แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ พร้อมให้บริการการดูแลเต็มรูปแบบ เพื่อให้เป็น 'aging in place' MQDC ได้สร้างโครงการขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ อาทิเช่น ICONSIAM และเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน เช่น ระบบของโครงการ WHIZDOM 101 'smart city' พร้อมให้การรับประกันยาวนานถึง 30 ปี ในทุกๆ โครงการของเราเพื่อยืนยัน ในมาตรฐาน
การก่อสร้างที่ดีที่สุด การประยุกต์ปรัชญา 'นวัตกรรมแห่งความยั่งยืน' MQDC มุ่งมั่นที่จะนำพาภาคธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ความยั่งยืน MQDC ยังได้ให้การสนับสนุนการด้านการวิจัยและนวัตกรรม โดยได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC) เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้อาศัย ผ่าน EEC DT บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด และ กลุ่มบริษัท ดีที MQDC ยังคงเน้นระบบที่ช่วยประหยัดพลังงาน เช่น District cooling และ on-site power MQDC ดำเนินงานพร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งมีชีวิตบนโลก มากกว่านั้นยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาความยั่งยืนเพื่อสังคมโดยรวม
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชมได้ที่ www.mqdc.com | Facebook: www.facebook.com/MQDC.For.All.Well.Being |
IG: mqdc.official