กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม ยืนยันไม่มีล้มมวย พร้อมสู้คดีในชั้นอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศกับบริษัท คิงส์เกตฯ คาดจะรู้ผลภายใน 2 ปี
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ชี้แจงว่า กรณีมีประเด็น สื่อสังคมออนไลน์ว่า ส่อแววล้มมวยเรื่องค่าโง่เหมืองทองคำ เพราะดองเรื่องตรวจสอบคิงส์เกตติดสินบน และมีการไล่ยึดที่ดินชาวบ้านให้นายทุนทำเหมืองทอง เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล โดยข้อเท็จจริงกรณีที่ประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทตามกระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด ขอย้ำว่า ขณะนี้คณะกรรมการดำเนินการระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด โดยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและที่ปรึกษากฎหมายที่มีความเชี่ยวชาญในระดับสากล อยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นอนุญาโตตุลาการ คาดว่าจะรู้ผลการพิจารณาภายใน 2 ปี ทั้งนี้ รัฐบาลมีความมั่นใจว่าการดำเนินการของรัฐบาลไทยเป็นการคุ้มครองประชาชนจากผลกระทบเฉพาะหน้าด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมปนเปื้อนอย่างทันท่วงที เป็นไปตามมาตรฐานสากลสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมสู้คดีต่อไป ส่วนการตรวจสอบกรณีทุจริตในการทำเหมืองแร่ทองคำที่เกี่ยวข้องกับบริษัท คิงส์เกตฯ นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ไม่อยู่ภายใต้กำกับของรัฐบาล
สำหรับกรณีการไล่ยึดที่ดินชาวบ้านให้นายทุนทำเหมืองทอง ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และการยึดที่ดินต่าง ๆ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการเหมืองแร่แต่อย่างใดเช่นกัน เป็นเรื่องของการดำเนินการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ตามนโยบายทวงคืนผืนป่า ทั้งนี้ ในส่วนของพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 กำหนดให้การอนุญาตให้ทำเหมืองแร่ได้เฉพาะในพื้นที่ที่เป็นเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมืองซึ่งเป็นการกำหนดเขตพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการทำเหมืองภายใต้วัตถุประสงค์ของการบริหารจัดการทรัพยากรแร่อย่างสมดุลและยั่งยืน โดยการยื่นขอประทานบัตรในพื้นที่ใดต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดิน หรือหากเป็นที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐก็ต้องได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์เพื่อการทำเหมืองในพื้นที่นั้น ๆ จากหน่วยงานของรัฐเจ้าของพื้นที่ก่อน