กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานกรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพถึงส่งผลต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ปภ.ได้สนับสนุนการปฏิบัติการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนใช้รถโดยสารสาธารณะ งดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์มิให้รุนแรงมากขึ้น
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 เวลา 05.00 น. พบว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน คือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 ในกรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัด ดังนี้ กรุงเทพมหานคร (ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน แขวงบางนา เขตบางนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ริมถนนดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง แขวงพญาไท เขตพญาไท แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง) นนทบุรี (ตำบลบางกรวย อำเภอบางกรวย ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด) ปทุมธานี (ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง) สมุทรปราการ (ตำบลทรงคะนอง และตำบลตลาด อำเภอพระประแดง ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง) สมุทรสาคร (ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน ริมถนนคู่ขนานพระราม 2 อำเภอเมืองสมุทรสาคร) นครปฐม (ตำบลนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม) มีค่า PM2.5 ระหว่าง 69 - 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 116– 210 ซึ่งคุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และบางพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้สนับสนุนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดในการตรวจสอบ ตรวจจับรถที่มีควันดำเกินค่าที่กฎหมายกำหนด และดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด อีกทั้งประชาสัมพันธ์ผลกระทบของหมอกควันต่อสุขภาพอนามัย ข้อมูลคุณภาพอากาศ และคำแนะนำในการปฏิบัติตนแก่ประชาชน ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนใช้รถโดยสารสาธารณะ งดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์มิให้รุนแรงมากขึ้น สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองสูงให้ใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกและหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานานเพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนผู้ขับขี่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษ เพราะทัศนวิสัย ในการมองเห็นเส้นทางอยู่ในระดับต่ำ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ สามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป