กรุงเทพฯ--31 ม.ค.--ซิมโฟนิตี ดิจิตอล มาร์เก็ตติ้ง คอมมิวนิเคชั่นส์
"เบลเยี่ยม" (Belgium) เป็นประเทศที่โด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลต แต่ประเทศนี้มีมนต์เสน่ห์อีกหลายอย่างรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ถึงเป็นประเทศเล็กๆ ที่มีบรรยากาศสงบสวยงาม แต่ก็มีประวัติศาสตร์มากกว่า 1,000 ปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18 องศาเซลเซียส ตลอดปี นับว่าเป็นอีกดินแดนที่มีอากาศดี และน่ามาเที่ยวชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม และธรรมชาติ โดยเฉพาะเมืองหลวงอย่าง บรัสเซลส์ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเบลเยี่ยม จะต้องตะลอนชมเมืองให้จุใจ ก่อนไปเที่ยวต่อยังเมืองอื่น
"กรุงบรัสเซลส์" (Brussels) เมืองหลวงประเทศเบลเยี่ยม เป็นเมืองที่มีความใหญ่โต และสวยงามเป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศอย่าง คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป (EU) และสำนักงานใหญ่ของนาโต (NATO) อีกด้วย ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงขนาดเล็ก แต่ด้วยความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองหลวงแห่งนี้ ได้ดึงดูดเหล่านักท่องเที่ยวให้มาค้นหาอย่างไม่ขาดสาย สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่สนใจจะไปเที่ยวชมความสวยงาม ก็สามารถมาไปตลอดทั้งปี ทุกฤดู โดยเฉพาะกรุงบรัสเซลส์ มีจุดท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจมากมายและหลากหลาย ได้คัดสรร 9 สถานที่ไฮไลต์มาฝากกัน ดังนี้
1. ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) ชาวเบลเยียมมักเรียก Brussels Town Hall ว่า ออแตลเดอวีลเดอบรูว์แซล ซึ่งถือว่าเป็นศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ มีสถานะคล้ายกับศาลาว่าการกรุงเทพฯ สถานที่แห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และเป็นอาคารที่ถือว่างดงามมากอีกแห่งของกรุงบรัสเซลส์ ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวแวะมาเที่ยวชมอยู่ไม่ขาดสายศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกรองด์ ปลาส สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิกตั้งแต่ยุคกลาง และตระหง่านมั่นคงมาจนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มสร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ตัวอาคารยาวขนานไปกับจัตุรัส จนจรดถนนชาร์ล บูล Brussels Town Hall มีจุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆัง ที่มีความสวยงาม ออกแบบและสร้างโดย ยัน ฟัน เรยส์บรุก สถาปนิกเอกประจำราชสำนัก พระเจ้าฟิลิปที่ 3 ดยุกแห่งเบอร์กันดี นับว่าเป็นจุดที่มีความสวยงามอย่างยิ่ง โดยสามารถมาชมความงดงามที่ด้านนอกของอาคารหรือจะเข้าไปชมความสวยงามด้านในก็ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ต้องเข้าไปเที่ยวชมเป็นหมู่คณะ
2.จัตุรัสกรองด์ ปลาส (Grong Plas)
จัตุรัสกรองด์ ปลาส Grong Plas กลางกรุงบรัสเซลล์แห่งนี้ หรือเรียกอีกชื่อว่า จัตุรัสแกรนด์เพลส เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียม มีอายุกว่า 400 ปี อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดท่องเที่ยวบังคับของทุกกรุ๊ปทัวร์ เพราะถือเป็นสถานที่มีความสวยงามอันดับต้นๆ ของยุโรป แวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าแก่ ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบบาร็อก, โกธิก และนีโอโกธิก อาจกล่าวได้ว่า นี่คือจุดรวมของสถาปัตยกรรมที่สวยงามในแนวต่างๆ โดยอาคารส่วนใหญ่สร้างมาตั้งแต่ยุคกลาง แต่ละอาคารที่โอบล้อมจัตุรัสแห่งนี้ ล้วนมีความสูงตระหง่านสง่างาม และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ตั้งแต่ปี 1983 ท่ามกลาง Grong Plas ที่แสนคลาสสิกนี้ มีหนึ่งอาคารที่เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและน่าสนใจอย่างยิ่งคือโบสถ์ Jacques-sur-Coudenberg ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นบันไดวนไปยังด้านบนของโบสถ์ได้ และจะพบกับระฆังเก่าแก่ที่มีความสวยงามอย่างมาก พร้อมการชมวิวจากยอดหอคอยแห่งนี้ ก็เป็นภาพที่สวยงามและน่าประทับใจอย่างยิ่ง
3.เมาท์ เดส อาร์ต (Mont des Arts) เมาท์ เดส อาร์ต (Mont des Arts) หรือ เนินเขาแห่งศิลปะถือว่ามีความน่าสนใจและเป็นอีกหนึ่งในจุดท่องเที่ยวที่ต้องไม่พลาดในการเยี่ยมชม โดยตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งจะอยู่ระหว่างพระราชวังหลวงกับจัตุรัส Grand Place ซึ่งในย่านนี้จะเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีความสวยงามและน่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน แถมแต่ละแห่งก็มีสวนสวยๆ คั่นระหว่างกัน ทำให้กลายเป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยว เมื่อมาเที่ยวบรัสเซลล์แล้ว มักจะไม่พลาดมาเที่ยวชมความสวยงามของถนนเส้นนี้ แต่อาจจะต้องออกแรงเดินมากหน่อย เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเนินขึ้นเขา แต่เดิมนั้นบริเวณ เมาท์ เดส อาร์ต เคยเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ แต่พระเจ้าเลอ อปอลที่ 2 มีพระราชดำริ ต้องการให้มีแหล่งของพิพิธภัณฑ์ จึงรับสั่งให้รื้อถอนอาคารบ้านเรือนของประชาชนออก แล้วแทนที่ด้วยอาคารแบบนีโอคลาสสิก ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างในย่านนี้กว่า 50 ปี ซึ่งพอเสร็จแล้วก็นับว่าเป็นจุดที่มีความสวยงามอีกแห่งของกรุงบรัสเซลล์ และเป็นที่นิยมอย่างมากของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน
4.สวนจูบิลี่ (Jubilee Park)
สวนจูบิลี่ (Jubilee Park) นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าสนใจมาก โดยเป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 74 เอเคอร์ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงบรัสเซลล์ ซึ่งแวดล้อมไปด้วยพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงดงามมากมาย อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในแลนด์มาร์กของเบลเยียม อย่างประตูชัยที่มีความงามสง่า จึงเป็นจุดดึงดูดให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชมความสวยงามของสวนแห่งนี้อยู่เสมอ สวนจูบิลี่ สร้างมาตั้งแต่สมัยของ พระเจ้าเลอ อปอลที่ 2 เพื่อฉลองในโอกาสเบลเยียมได้รับอิสรภาพครบ 50 ปี จึงมีการสร้างประตูชัยตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าที่เขียวขจี ที่ทำให้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ และยังเป็นประตูต้อนรับสู่สวนสวยแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่พักผ่อนยอดนิยมของชาวเมืองหลวง และถือเป็นจุดนัดพบของนักท่องเที่ยว ที่สามารถนั่งพัก ก่อนจะเดินชมสถานที่อื่นๆ ที่อยู่รายล้อมต่อไป
5.จัตุรัส เพลส เดอ แกรด์ ซาบอน (Place du Grand Sablon)
ที่นี่เป็นอีกจุดที่มีความน่าหลงใหลอย่างมาก เป็นจัตุรัสที่สำคัญอีกแห่งของกรุงบรัสเซลส์ เพราะเป็นแหล่งรวมความบันเทิงที่น่าสนใจยามราตรี แถมยังคงรักษาอัตลักษณ์ชุมชนเมืองแบบบรัสเซลล์แท้ๆ ให้ยังคงอยู่อีกด้วย เรียกได้ว่าหากมาเที่ยวที่นี่ ย่อมได้ประสบการณ์ใหม่ที่ประทับใจแน่นอน โดยที่แห่งนี้จะรายล้อมไปด้วยร้านค้าเก่าแก่ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งร้านอาหารพื้นเมืองแสนอร่อย หรือจะเป็นร้านเก๋ๆ ในนั่งจิบกาแฟชมวิวชิลล์ๆ โดยโซนร้านอาหารจะมีความคึกคักเป็นพิเศษ และถือเป็นแหล่งพบปะของผู้คนชาวบรัสเซลล์ในยามค่ำคืน นอกจากนี้ ในช่วงของบ่ายวันเสาร์และวันอาทิตย์ ที่นี่จะเป็นตลาดค้าของเก่าที่ใหญ่ที่สุดของเบลเยี่ยม เราสามารถมาเลือกซื้อของเก่าที่มีความสวยงาม และน่าสนใจได้
6.มหาวิหารเซนต์ไมเคิล (Cathedral of St. Michael and St. Gudula) มหาวิหารเซนต์ไมเคิล นับเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเบลเยี่ยมอย่างมาก โดยมีการขุดค้นพบฐานรากของสิ่งก่อสร้างที่มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ และน่ามาเที่ยวชมความสวยงาม มหาวิหารเซนต์ไมเคิล เป็นสถาปัตยกรรมในแบบโกธิกที่มีความสวยงาม โดดเด่น และแปลกตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 และจากการบูรณะเมื่อ ค.ศ.1980 พบว่ายังมีซากของอาคารมาตั้งแต่คศตวรรษที่ 11 ซึ่งเป็นโบสถ์โรมันที่สวยงาม แต่มีการสร้างทับกันขึ้นมา ที่นี่จึงกลายเป็นศาสนสถานที่มีความสำคัญที่สุดของเมืองหลวงแห่งนี้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนมาเที่ยวชมวันละจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวเมื่อเดินมาชมมหาวิหารเริ่มจากทางจัตุรัสกลาง จะพบกับด้านหน้าโบสถ์ที่สวยงามและมีมนต์ขลังอย่างยิ่ง โดยเราจะเดินผ่านสวนเล็กๆ ที่สามารถมองเห็นหอคอยคู่ที่มีความสูง 64 เมตร พร้อมแว่วเสียงอันไพเราะของระฆังในโบสถ์จำนวน 49 ใบ ที่จะลั่นเสียงไล่ตามลำดับ สามารถเข้าชมได้ทุกวันโดยเสียค่าเข้าชมเพียงไม่กี่ยูโรเท่านั้น
7.รูปปั้นแมนิเกนพีส (Manneken Pis)
ประติมากรรม แมนิเกนพีส (Manneken Pis) กลางกรุงบรัสเซลส์ ถือเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ของเบลเยี่ยม ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมของถนนเลทุฟตัดกับถนนแซน ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาเที่ยวชมกันเป็นอย่างมาก และมักเป็นจุดที่ทุกกรุ๊ปทัวร์ต้องแวะเที่ยวชม รูปปั้นแมนิเกนพีส มีความสวยงามและมีความเก่าแก่มาก คำว่า Manneken Pis มีความหมายว่า เด็กชายกำลังฉี่ เป็นประติมากรรมมีลักษณะเป็นน้ำพุขนาดเล็ก ตัวประติมากรรมหล่อด้วยทองแดงเป็นรูปเด็กผู้ชายเปลือยกาย กำลังยืนฉี่ลงอ่าง โดยมีความสูงประมาณ 60 เซนติเมตร โดยในเทศกาลที่สำคัญ จะมีการนำชุดต่างๆ มาสวมให้กับรูปปั้นตัวนี้ด้วย เพื่อสร้างบรรยากาศให้เข้ากับแต่ละเทศกาล มีตำนานเล่ากันว่า รูปปั้นของเด็กชายคนนี้มีชื่อว่า จูเลียนสกี เป็นเด็กชายชาวเบลเยี่ยม ในช่วงเกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม ทหารฝรั่งเศสได้วางระเบิดใจกลางบรัสเซลส์ เพื่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก และมีการจุดฉนวนระเบิด ซึ่งยุคนั้นจะเป็นการวางสายฉนวน และเด็กน้อยจูเลียนสกี มาเห็นสายฉนวนที่กำลังติดไฟอยู่ จึงรีบถอดกางเกงฉี่รดสายฉนวน เพื่อดับไฟไม่ให้ลามไปถึงระเบิด ทำให้สามารถช่วยชีวิตชาวบรัสเซลส์ไว้ได้ จากเหตุการณ์นี้จึงมีการสร้างรูปปั้นเด็กคนนี้ขึ้น โดยการสร้างครั้งแรกเป็นรูปปั้นทำจากหินแกรนิต แต่ถูกขโมยไป และมีการสร้างใหม่อีกหลายครั้ง ด้วยวัสดุหลายชนิด เพราะถูกขโมยอีกหลายหน จนท้ายที่สุดมาเป็นประติมากรรมทองแดงดังที่เห็น
8.อะโตเมียม (Atomium)
ถือเป็นสถาปัตยกรรมล้ำยุคที่ตั้งอยู่กลางกรุงบรัสเซลล์ นับว่าเป็นหนึ่งในแลนมาร์กของเมืองหลวงแห่งนี้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเมื่อมาที่นี่ ต้องมาเที่ยวชมให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้น เหมือนว่ามาเที่ยวไม่ถึงบรัสเซลล์เลยทีเดียว ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมและถ่ายภาพที่ระลึกกันจำนวนมาก
อะโตเมียม มีรูปทรงล้ำสมัย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของอะตอม ในเชิงวิทยาศาสตร์ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดนิทรรศการ งานเอ็กซ์โป เมือปี 1958 โดยลูกบอล จำนวน 9 ลูก มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18 เมตร แต่ละลูกจะมีการเชื่อมต่อกัน มีความสูง 108 เมตร มีน้ำหนักรวมถึง 2,400 ตัน ใช้เวลาในการก่อสร้างเกือบ 2 ปี ซึ่งกลายเป็นเครื่องหมายที่สะท้อนการก้าวกระโดดของเบลเยี่ยมสู่เทคโนโลยียุคใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยลูกบอลแต่ละลูก มีการจัดสรรพื้นที่ไว้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวที่สามารถขึ้นไปชมความสวยงามของทิวทัศน์กรุงบรัสเซลล์ หรือจะเป็นลูกบอลที่จัดแสดงผลงานศิลปะต่างๆ และยังมีลูกบอลที่ทำเป็นร้านอาคารที่ให้ชมวิวสวยงาม ตลอดจนส่วนที่จัดแสดงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง แม้จะสร้างมานานกว่า 50 ปี แล้ว แต่รัฐบาลเบลเยี่ยมก็ได้มีการบูรณะมาโดยตลอด เพื่อรักษาความสวยงามและทันสมัยเสมอ
9.มินิยุโรป (Mini Europe)
มินิยุโรป (Mini Europe) ตั้งอยู่ใต้ อะโตเมียม ใจกลางของกรุงบรัสเซลส์ ใครมาเที่ยวที่นี่ต้องไม่พลาดแวะมาเที่ยวชม เพราะเป็นหนึ่งในเมืองจำลองที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล เพื่อรวบรวมสถานที่สำคัญกว่า 80 แห่งทั่วยุโรป มาไว้ที่นี่ โดยจำลองเป็น 350 อาคารสำคัญ ในอัตราส่วน 1 ต่อ 25 ซึ่งมีความสวยงามและลงรายละเอียดได้อย่างวิจิตรบรรจง และเสมือนจริงอย่างยิ่ง การมาชมที่นี่เหมือนได้ไปทัวร์ยุโรปครบจบในไม่กี่ชั่วโมงก็ว่าได้ โดยบรรยากาศใน Mini Europe มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้เป็นแต่อาคารจำลองไว้เท่านั้น แต่มีการจัดแสดงในแบบอินเทอร์แรกทีฟด้วย อย่างภูเขาไฟจะมีการแสดงให้เห็นถึงการระเบิด มีรถไฟจำลองวิ่งไปมาอีก ขณะที่คลองเวนิสจะมีเรือลอยลำ มีเสียงระฆัง เพื่อให้สมจริง พร้อมการให้ข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ อีกด้วย
อ่านถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอยากไปสัมผัสเมืองหลวงแห่งช็อกโกแลต ประเทศเล็กๆ ที่จะมอบความสุขให้แก่นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนกันแล้ว วันนี้สามารถบินสบาย จองง่าย จ่ายสะดวกกับสายการบินไทย ที่พร้อมพาลัดฟ้าบินตรงสู่ กรุงบรัสเซลส์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงสนามบินบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ด้วยเที่ยวบิน TG934 ทุกวันอังคาร,พฤหัสบดี,ศุกร์,เสาร์และอาทิตย์ วันละ 1 เที่ยวบิน ด้วยราคาบัตรโดยสารโปรโมชั่นขาเดียว เริ่มต้นเพียง 13,795 บาท/ท่าน (จองบัตรโดยสารได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2562 ) ที่พร้อมบริการแบบ Full Service ไม่ต้องกังวลเครื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ก็จะได้สัมผัสความสุข ที่หาไม่ได้ในเมืองอื่น พร้อมเปิดประสบการใหม่ให้แก่นักท่องเที่ยวไม่รู้ลืม #Thaiairways #สบายต่าง #iflyTHAI เพียงคลิก https://bit.ly/2DCCaFN