กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--พณ.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าในปี 2550 สามารถส่งออกข้าวได้ 9.55 ล้านตัน มูลค่า 3,598 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 123,861 ล้านบาท นับว่าการส่งออกข้าวในปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากความพยายามของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ตั้งแต่เกษตรกร โรงสี ผู้ส่งออก และโดยเฉพาะภาครัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกสุรยทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ที่ได้เข้ามาบริหารประเทศโดยมีข้าวค้างในสต็อกรัฐบาลประมาณ 3.35 ล้านตันเมื่อรวมกับปริมาณข้าวที่รับจำนำตามโครงการรับจำนำฯในปี 2549/50 และปริมาณข้าวที่ผู้ส่งออกผิดสัญญาซื้อขายรวมเป็นปริมาณข้าวในสต๊อกรัฐบาลทั้งสิ้นประมาณ 6 ล้านตัน
ในช่วงปีที่ผ่านมาการส่งออกประสบปัญหาปัจจัยลบหลายด้านทั้งการขาดแคลนเรือบรรทุกสินค้าข้าว การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาดโลก และค่าระวางเรือ รวมทั้งการแข็งค่าของเงินบาท แต่จากสถานการณ์การผลิตข้าวของประเทศผู้ส่งออกข้าวเช่น อินเดีย เวียดนาม ประสบปัญหาขาดแคลนจนต้องระงับการส่งออก รวมทั้งประเทศผู้นำเข้าข้าวที่สำคัญเช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบังคลาเทศ ประสบปัญหาการขาดแคลนข้าว ทำให้ต้องเร่งนำเข้าข้าวในปริมาณมาก
รัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้กำหนดนโยบายราคารับจำนำข้าวเปลือกให้สอดคล้องกับราคาข้าวในตลาดโลก ประกอบกับรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการแก้ไขการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ปัญหาดังกล่าวผ่อนคลายลง ช่วยให้ข้าวของไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีขึ้น นอกจากนี้กรมการค้าต่างประเทศยังได้ดำเนินการระบายข้าวจากสต๊อกรัฐบาลประมาณเกือบ 4 ล้านตันออกสู่ตลาดในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับภาวะตลาด ในขณะที่ผู้ส่งออกไทยสามารถเข้าร่วมและชนะการประมูลขายข้าวในหลายประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บังคลาเทศ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทำให้ตลาดข้าวไทยขยายตัวมากขึ้น รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ยังได้ดำเนินมาตรการส่งออกเชิงรุกโดยส่งออกในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ปริมาณ 0.710 ล้านตัน ตลอดจนได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายข้าวของภาคเอกชนโดยจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ จนได้รับความเชื่อถือและยอมรับมาตรฐานและคุณภาพข้าวของไทย การดำเนินการดังกล่าวได้ส่งผลให้การส่งออกข้าวของไทยบรรลุผลสามารถส่งออกเกินกว่าเป้าหมายและยังผลักดันให้เกษตรกรชาวนาขายข้าวเปลือกได้ราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณตันละ 6,750 บาท สูงกว่าราคารับจำนำข้าวเปลือก ทำให้เกษตรกรชาวนาซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจโดยรวมของไทยเติบโตอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ
ในโอกาสนี้เพื่อเป็นเกียรติประวัติของการส่งออกข้าวไทย สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย จึงเห็นสมควรมอบโล่เชิดชูเกียรติให้กับนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในฐานะผู้กำกับดูแลการส่งออกข้าวซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในด้านการกำหนดนโยบายและผลักดันให้การส่งออกข้าวประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยพิธีดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันอังคารที่ 22 มกราคม 2551 เวลา 14.30 - 15.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีผู้แทนภาครัฐและเอกชน ทูตานุทูต รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาร่วมงานมากกว่า 200 คน
อธิบดีการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการค้าข้าวโลกในปี 2551ตลาดยังคงเป็นของผู้ขาย เนื่องจากปริมาณสต็อกข้าวโลกอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับราคาธัญพืชอื่นๆมีราคาสูง โดยราคาข้าวในตลาดโลกจะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอีก จึงมั่นใจว่าการส่งออกข้าวในปี 2551 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้จำนวน 8.75 ล้านตัน มูลค่า 3,325 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างแน่นอน