กรุงเทพฯ--11 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
กองทรัสต์ SHREIT โชว์ความแข็งแกร่งทรัพย์สินโรงแรมในภูมิภาคอาเซียน หลังบริษัทประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ทางบัญชี ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 143.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากมูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินโครงการ ณ วันที่จัดตั้งกองทรัสต์ ร้อยละ 9.6 หรือ คิดเป็น เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 จากมูลค่าเงินลงทุนตามงบการเงิน ณ สิ้นงวดปี 2560 สะท้อนถึงความสามารถการคัดเลือกทรัพย์สินของผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีความโดดเด่นจากทำเลที่ตั้งที่กระจายอยู่ในภูมิภาคอาเซียนที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ดี และเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพในการเติบโต ช่วยสร้างความมั่นใจผู้ถือหน่วยทรัสต์ พร้อมจ่ายเงินตอบแทนไปแล้วกว่า 0.5997 บาท ต่อหน่วยลงทุน สำหรับรอบผลการดำเนินงาน 10 เดือน สิ้นสุด 31 ตุลาคม 2561 ตอกย้ำเป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมที่ให้เงินจ่ายตอบแทนจากการลงทุนติดอันดับต้นๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT ที่บริหารโดยมืออาชีพ เปิดเผยว่า กองทรัสต์ SHREIT ได้ดำเนินการประเมินมูลค่าทรัพย์สินของกองทรัสต์ประจำปี 2561 โดยแต่งตั้งผู้ประเมินราคาอิสระได้แก่ บริษัท KJPP Susan Widjojo & Rekan ร่วมกับ VPC Asia Pacific Cluttons (โดย บริษัท ไทยประเมินราคา ลินน์ ฟิลลิปส์ จำกัด) เป็นผู้ทำการประเมิน โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ประเทศอินโดนีเซีย และ บริษัท ซาวิลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (โดยบริษัท เน็กซัส พรอพเพอตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด) เป็นผู้ทำการประเมินทรัพย์สินของโรงแรม 2 แห่งในประเทศเวียดนาม ได้แก่ โรงแรม Capri by Fraser และ โรงแรม IBIS Saigon South
จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทั้ง 3 แห่ง พบว่า มูลค่าทรัพย์สินที่ SHREIT เข้าลงทุน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 ทรัพย์สินมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 143.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากมูลค่าการลงทุนในทรัพย์สินโครงการ ณ วันที่จัดตั้งกองทรัสต์ที่ 130.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 9.6 หรือ เพิ่มขึ้นจากมูลค่าเงินลงทุนตามงบการเงิน ณ สิ้นปี 2560 ที่ 138.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 3.6 โดยการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่าทรัพย์สิน เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของผู้จัดการกองทรัสต์อิสระในการคัดเลือกซื้อทรัพย์สินที่ดี ซึ่งคำนึงถึงศักยภาพทำเลที่ตั้งของทรัพย์สินกระจายอยู่ในประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดีทั้งในด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่งผลให้ทรัพย์สินโรงแรมที่กองทรัสต์ SHREIT เข้าลงทุน สามารถสร้างการเติบโตของรายได้จากปัจจัยบวกดังกล่าว รวมถึงการบริหารจัดการเพื่อผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่องไปยังอนาคต
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมากองทรัสต์ SHREIT ได้สร้างผลตอบแทนที่ดีกับผู้ลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนที่ถือหน่วยทรัสต์ SHREIT ได้รับเงินจ่ายผลตอบแทนสำหรับผลการดำเนินงานรอบ 10 เดือน สิ้นสุดเดือนตุลาคม 2561 รวมทั้งสิ้น 0.5997 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ SHREIT เป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมที่ให้เงินจ่ายตอบแทนจากการลงทุนติดอันดับต้นๆ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และแสดงถึงคุณภาพที่โดดเด่นของกองทรัสต์
"ในฐานะที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เรามีนโยบายคัดเลือกทรัพย์สินโรงแรมที่ดีในภูมิภาคนี้ โดยกระจายความเสี่ยงในทำเลที่ตั้งและกลุ่มเป้าหมายให้มีความหลากหลาย ซึ่งเรายังคงยึดมั่นนโยบายดังกล่าวมาใช้คัดเลือกทรัพย์สินโรงแรมใหม่ๆ ที่กองทรัสต์ SHREIT จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับโอกาสการเติบโตจากการใช้จ่ายเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวได้อย่างสูงสุด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้หน่วยทรัสต์ทุกคน" นายปธาน กล่าว
สำหรับกองทรัสต์ SHREIT ลงทุนทางอ้อมเพื่อเข้าถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 99% ในบริษัทที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่มีกำหนดอายุ หรือสิทธิการเช่าของโรงแรมต่างๆ และให้เช่าโรงแรมแก่ผู้เช่าหลัก โดยได้ทำสัญญาว่าจ้างบริหารโรงแรมกับผู้บริหารโรงแรมระดับนานาชาติ อาทิ Fraser Hospitality และ Accor ทั้งนี้ กองทรัสต์ SHREIT ได้ถือกรรมสิทธิ์ที่มีกำหนดอายุของโรงแรม Pullman Jakarta Central Park ประเทศอินโดนีเซีย และสิทธิการเช่าที่ดินและกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของโรงแรม 2 แห่งในประเทศเวียดนาม ได้แก่ Capri by Fraser และ IBIS Saigon South