กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก จับตาเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว หลังเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย เหตุตัวเลขคาดการณ์ GDP ไตรมาส 1/62 ลดลงเหลือ 2.17% และการครบกำหนดชัตดาวน์ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ แม้เศรษฐกิจในประเทศได้แรงกระตุ้นจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ให้วางกรอบดัชนี 1,630 – 1,670 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้อานิสงส์เลือกตั้ง - คืน VAT 5%จากช็อปช่วงตรุษจีน-ขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว ส่วนราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,300–1,330 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากเงินบาทส่งสัญญาณอ่อนค่า
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากต่างประเทศ โดยเฟดไม่เร่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามภาวะศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฟดสาขานิวยอร์คคาดการณ์ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 2.41% ต่ำกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 2.61% ขณะที่คาดการณ์ตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2562 ไว้ที่ระดับ 2.17% ซึ่งชะลอตัวจากไตรมาส 4/2561 ที่ผ่านมา
รวมทั้งปัจจัยในประเทศ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเผยตัวเลข GDP ไทยปี 2561 ที่ระดับ 4.2% ขยายตัวต่อเนื่อง และสูงกว่าอัตราเฉลี่ยของเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัว 3.7% และในปี 2562 มีโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมที่ทยอยเปิดประมูล อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 โครงการท่าเรือมาบตาพุดระยะ 3 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โครงการลงทุนในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) โครงการรถไฟทางคู่ 4 เส้นทางมูลค่ารวม 2.17 แสนล้านบาท ฯลฯ ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมมีโครงการเร่งด่วนเบื้องต้นรวม 21 โครงการ
ส่วนปัจจัยด้านลบที่กดดันการลงทุนในระยะนี้มาจากใกล้ถึงวันกำหนดเส้นตายภาวะชัตดาวน์สหรัฐอีกครั้งในวันที่ 15 ก.พ. นี้ หากไม่มีการบรรจุงบประมาณสร้างกำแพงในร่างกฏหมายงบประมาณสหรัฐ และปัจจัยการเมืองในประเทศมีความผันผวนมากขึ้นก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม 2562
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาตลอดทั้งสัปดาห์ อาทิ วันที่ 12 ก.พ. สหรัฐ เปิดเผย ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนม.ค. ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนธ.ค.วันที่ 13 ก.พ. อียู เปิดเผย การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. รวมทั้งสหรัฐ เปิดเผย สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์,วันที่ 14 – 15 ก.พ. สหรัฐฯและจีนเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่ง , 15 ก.พ. กกต.ประกาศผลตัดสินคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.แบ่งเขต-ปาร์ตี้ลิสต์-แคนดิเดทนายกฯ อย่างเป็นทางการและจะนำรูปแคนดิเดทนายกฯขึ้นป้ายหาเสียงได้ รวมทั้งงบประมาณชั่วคราวสำหรับหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐจะหมดลง และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดรับซองข้อเสนอโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 และวันที่ 18 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลงตัวเลขGDP ไตรมาส 4/61
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวน คาดจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630 – 1,670 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง VGI, PLANB, MACO, CPALL, MAKRO, BJCและTKS ส่วนหุ้น mai ได้แก่ TACC, LIT และ CRD รองลงมาหุ้นได้อานิสงส์มาตรการคืน VAT 5% จากการกระตุ้นช็อปช่วงตรุษจีนระหว่าง 1 – 15 ก.พ. เช่น CPALL, MAKRO และหุ้นที่ได้อานิสงส์ขยายเวลาฟรีค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว เช่น AOT, CENTEL, ERW
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การตกลงกรอบเงื่อนไข Brexit ภายในอังกฤษที่ยังไม่ลงตัว ส่งผลให้ทั้งเงินยูโรและเงินปอนด์แกว่งอ่อนค่า แต่จากการที่สหรัฐฯกดดันยุโรปอย่างหนักเกี่ยวกับ 5G เนื่องจากประเทศหลักในกลุ่มยูโรโซนต้องการนำเทคโนโลยีจีนมาร่วมพัฒนาประเทศ ในขณะที่สหรัฐฯเปิดศึกอีกหลายด้านเกี่ยวกับสงครามการค้า ทั้งไม่เจรจากับจีนให้ต่อเนื่อง แต่ไปกดดันผ่านการนัดพบผู้นำเกาหลีเหนือแทน
นอกจากนี้ การยืนกรานสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนเม็กซิโก ซึ่งเพิ่มความขัดแย้งภายในประเทศและมีโอกาสจะเกิด government shutdown อีกหลายครั้งตามมา มีผลทำให้เงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งค่าเท่าใดนัก แต่สินทรัพย์ปลอดภัยในรูปสกุลเงินดอลลาร์มีเงินไหลเข้ามากขึ้น โดยมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed เป็นปัจจัยบวกสนับสนุน
อีกทั้ง การที่ประเทศเศรษฐกิจสำคัญต่าง ๆ ของโลกต่างมีสัญญาณชะลอตัวลงเรื่อย ๆ ทำให้เงินทุนกลับมาไหลเข้ากลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ แต่เงินบาทอาจไม่แข็งค่าขึ้นและมีแนวโน้มจะสวิงผันผวนตามปัจจัยภายในประเทศที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งเป็นปัจจัยหลัก ถือว่าช่วยคลายแรงกดดันด้านราคาสำหรับทองคำในประเทศ
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์นี้คาดการณ์ราคาทองคำตลาดโลกจะแกว่ง sideway ในกรอบระหว่าง 1,300–1,330 ดอลลาร์/ออนซ์ และยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนสำหรับภาพระยะกลาง จึงแนะนำให้เล่นเก็งกำไรในกรอบจำกัด ส่วนพอร์ตระยะกลางยังคงเน้นตั้งรับเมื่อราคาอ่อนตัว โดยพิจารณาเข้าซื้อมากขึ้น เนื่องจากเงินบาทส่งสัญญาณอ่อนค่า