กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า โดยปกติแล้วอียูไม่อนุญาตให้มีการฉายรังสีในอาหาร ยกเว้นการฉายรังสีดังกล่าวจะมีเหตุผลความจำเป็นทางวิทยาศาสตร์ที่เหมาะสม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ อียูอนุญาตให้มีการฉายรังสีเฉพาะในสมุนไพร เครื่องเทศ และเครื่องปรุงรสที่ทำจากผัก ซึ่งต้องอยู่ในรูปของของแห้งเท่านั้น โดยต้องติดฉลากอาหารที่ผ่านการฉายรังสีว่า “irradiated” หรือ “treated with ionizing radiation” และหากเป็นอาหารที่ไม่ได้อยู่ในบรรจุภัณฑ์ ก็ต้องติดป้ายหรือระบุบนเมนูให้ผู้บริโภคทราบว่าเป็นอาหารฉายรังสี ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอียูสามารถนำเข้าสินค้าอาหารที่ผ่านการฉายรังสีจากประเทศนอกอียูได้โดยโรงงานฉายรังสีนั้นต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการยุโรปแล้ว
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550 อียูได้ออกประกาศอนุมัติโรงงานฉายรังสีสินค้าอาหารของไทยที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมาธิการยุโรป จำนวน 2 แห่ง คือ
1. Thai Irradiation Center, Thailand Institute of Nuclear Technology (Public Organization) ที่อยู่
37 หมู่ 3 ถนนรังสิต-นครนายก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120 โทรศัพท์ 0 2547 4167-8 , 0 2577 4171 โทรสาร 0 2577 1945
2. Isotron (Thailand) Ltd. ,Bangpakong Industrial Park (Amata Nakorn) ที่อยู่ 700/465 นิคมอุตสาหกรรมบางปะกง หมู่ที่ 7 ตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 20000 โทรศัพท์ 66 (0) 38 458 341-4, 66 (0) 38 450 092-3 โทรสาร 66 (0) 38 458 435
ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2550 เป็นต้นไป ดังนั้น ผู้ประกอบการของไทยจึงสามารถใช้ประโยชน์จากโรงงานฉายรังสีทั้งสองแห่งดังกล่าวก่อนส่งออกอาหารฉายรังสีไปอียูและสามารถศึกษาเพิ่มเติมรายละเอียดของประกาศฉบับใหม่นี้จากเว็บไซด์ http://eur-lex.europa.eu/LexUriServ/site/en/oj/2007/l_32320071208en00400041.pdf