กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--โรงพยาบาลพระรามเก้า
ปัจจุบันมนุษย์เราทุกคนทราบกันดีว่ามีโรคชนิดต่างๆ เกิดขึ้นหลายโรค และสาเหตุส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นผลมาจากพฤติกรรมการหรือการกระทำของตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตในสังคม การทำงานหนักจนเกิดความเครียด การเลือกที่จะรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหาร ฟาสต์ฟู้ด อาหารเร่งด่วน อาหารไม่ครบทุกหมวดหมู่ อาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพื่อชดเชยกับความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลที่จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา โดยเฉพาะในกลุ่มของโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ เช่น เบาหวาน โรคอ้วน โรคไขมันสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
พล.อ.นพ.ประวิชช์ ตันประเสริฐ อายุรแพทย์ด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า โรคหัวใจ หมายถึงกลุ่มโรคที่มีผลต่อระบบหัวใจ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจ หัวใจล้มเหลว โรคหัวใจอักเสบ ลิ้นหัวใจรั่ว โรคหัวใจรูมาติก เป็นต้น โรคหัวใจเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ปัจจุบันสาเหตุที่พบมากและเป็นอันตรายที่สุดคือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ที่นำไปสู่อาการหัวใจวาย (Heart Attack) เดิมเชื่อว่าภาวะนี้เกิดจากการสะสมของไขมันที่ผนังหลอดเลือดจนเกิดการอุดตัน แต่ในปัจจุบัน (Heart Attack) ที่พบบ่อยมักเกิดจากผนังหลอดเลือดด้านในแตกจนเกิดการสะสมของลิ่มเลือดและนำไปสู่การอุดตันของเส้นเลือดแบบเฉียบพลัน ซึ่งการแตกของผนังหลอดเลือดด้านในนี้ เกิดจากภาวะ การอักเสบ (Inflammation) ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งจากอารมณ์แปรปรวน อาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อนุมูลอิสระ ตลอดจนถึง ภาวะความร้อนภายในร่างกาย การทำงานของฮอร์โมน การทำงานของประสาทอัตโนมัติ การวินิจฉัยว่าเป็นโรคหัวใจหรือไม่นั้นควรเป็นหน้าที่ของแพทย์ แต่ตัวเราเองก็สามารถสังเกตภาวะร่างกายตนเอง ซึ่งจะเป็นตัวนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจ ได้แก่ ภาวะโรคอ้วน เครียดมากจนเกินไป อาการใจร้อน อารมณ์ร้อน รวมถึงภาวะอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน ความดันสูง ไขมันสูง สูบบุหรี่ เป็นต้น อาการเริ่มต้นของโรคเส้นเลือดหัวใจตีบนั้น จะแสดงออกในขณะเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น วิ่ง เดินขึ้นบันได หรือเมื่อโกรธ จะรู้สึกเจ็บบริเวณหน้าอก อาการเจ็บหน้าอกของโรคหัวใจขาดเลือด จะแตกต่างจากการเจ็บแบบอื่น โดยจะเจ็บแน่นๆ บริเวณหน้าอกด้านซ้ายหรือสองด้าน บางรายจะเจ็บร้าวไปที่แขนซ้าย หรือมีอาการปวดไปถึงกรามคล้ายเจ็บฟัน เมื่อหยุดออกกำลังกายแล้วอาการเจ็บจะดีขึ้น แต่ถ้าเกิดการอุดตันของเส้นเลือดอาการเจ็บจะยังคงเป็นตลอดแม้หยุดออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีอาการหอบ เหนื่อยง่ายผิดปกติ ใจสั่น ขาบวม อาจจะเป็นลม หรือมีอาการวูบร่วมด้วย การดูแลป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดนั้น ป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทานอาหารสุขภาพ ไม่เครียด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นต้น ความจริงการรับประทานเป็นสิ่งที่จำเป็นควรทานแต่พอควร ไม่ควรให้อิ่มมากทุกมื้อ เลือกอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอและพอดี โอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจก็จะน้อยลง วิธีนี้เป็นการป้องกันตนเองก่อนที่จะเกิดโรค แต่ถ้าหากเกิดโรคขึ้นมาแล้วการรับประทานยาเป็นประจำ การผ่าตัด การทำบอลลูนขยายเส้นเลือดที่ตีบ นั้นเป็นเพียงแค่การรักษาตามอาการเท่านั้นไม่ได้ทำให้หายขาดจากโรค การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไขแค่เพียงส่วนเล็กน้อยตรงบริเวณที่เส้นเลือดผิดปกติที่ยาวเพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้นไม่ได้แก้ไขส่วนอื่นของเส้นเลือดที่ยาวมากมายที่มีอยู่ทั่วตัวเรา ถ้ามนุษย์เรายังคงดำเนินหรือมีพฤติกรรมการดำรงชีวิตเหมือนเดิมก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคกำเริบอีก
เมื่อเกิดภาวะบ่งชี้ของการเกิดโรค เช่น เจ็บหน้าอก หอบ เหนื่อยง่าย เหงื่อออกมาก ใจสั่น ขาบวม ให้สันนิษฐานว่า อาจจะเป็นโรคหัวใจ ควรพบแพทย์ทันที ยิ่งถึงมือแพทย์เร็วเท่าไร โอกาสที่แพทย์จะแก้ไขเส้นเลือดอุดตันให้เลือดไหลเวียนก็จะทำได้อย่างเร็วและมีประสิทธิภาพหายจากโรคได้เร็ว แต่ก่อนเรา เชื่อว่า เมื่อป่วยเป็นโรคหัวใจแล้วจะทำอะไรไม่ได้อีกต้องนั่งนิ่งๆ นานๆ แต่ปัจจุบันความเชื่อนั้นเปลี่ยนไป คนผ่าตัดหัวใจแล้ว ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ สามารถออกกำลังกายได้ไม่แพ้คนปกติ บางคนแข็งแรงสามารถเล่นกีฬาได้เหมือนนักกีฬาอาชีพ แต่การฟื้นฟูสภาพร่างกายนั้น ควรจะอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ด้วยโปรแกรมฟื้นฟูหัวใจ ซึ่งจะทำให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตให้ถูกต้องทานยาประจำสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารสุขภาพให้ครบ 5 หมู่ หมั่นออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ผู้ป่วยต้องกระทำต่อเนื่องและตลอดไป เพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำขึ้นอีก ขบวนการนี้โดยรวมคือการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ เริ่มจากการชะลอความเสื่อมของร่างกายและเส้นเลือดโดยดูแลก่อนการเกิดโรคคือการป้องกันการเกิดโรค การดูแลขณะเป็นโรคคือการรักษา พร้อมช่วยแก้ไขสมรรถภาพร่างกายที่ผิดปกติขณะเป็นโรคให้กลับสู่สภาพเดิม การดำรงพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ดีต่อเนื่องเป็นประจำหลังการรักษาหายจากโรค เพื่อป้องกันการกลับมาเกิดซ้ำของโรคเดิม ดังนั้นทุกคนต้องเริ่มดูแลสุขภาพฟื้นฟูร่างกายชะลอความเสื่อมของหัวใจป้องกันการเกิดโรคหัวใจและกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (คงสภาพความหนุ่มสาว) กันตั้งแต่วันนี้