กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 3 จังหวัดภาคกลาง รวมถึง 7 จังหวัดภาคเหนือ คุณภาพอากาศในภาพรวมอยู่ในระดับสีส้ม (เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่ได้รับผลกระทบดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชนงดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าและปัญหาหมอกควันปกคลุมพื้นที่
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลคุณภาพอากาศกับกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่14 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 04.00 น. พบว่า พื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง และภาคเหนือมีปริมาณ ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) และปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน (50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) เกินค่ามาตรฐาน 100 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน ริมถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน ริมถนนอินทรพิทักษ์ เขตธนบุรี ริมถนนลาดพร้าว เขตวังทองหลาง ริมถนนดินแดง เขตดินแดง แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง) มีค่า PM2.5 ระหว่าง 58 - 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 87 – 106 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 119 – 147 ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี (ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง) มีค่าPM2.5 อยู่ที่ 54 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 อยู่ที่ 68 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าอยู่ที่ 109 สมุทรปราการ (ต.ทรงคะนอง อ.พระประแดง ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง) มีค่า PM2.5 ระหว่าง 51 - 66 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 78 - 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 101 – 139 สมุทรสาคร (ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน และริมถนนคู่ขนานพระราม 2 อ.เมืองสมุทรสาคร) ค่า PM2.5 ระหว่าง 56 - 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่า PM10 ระหว่าง 85 - 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 114 – 134 ภาคเหนือ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย (ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย) เชียงใหม่ (ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ต.ศรีภูมิ ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่) ลำปาง (ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ) ลำพูน (ต.บ้านกลาง อ.เมืองลำพูน) แพร่ (ต.นาจักร อ.เมืองแพร่) พะเยา (ต.เวียง อ.เมืองพะเยา) และตาก (ต.แม่ปะ อ.แม่สอด) มีค่า PM2.5 ระหว่าง 51 - 74 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ค่าPM10 ระหว่าง 71 - 96 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และ AQI มีค่าระหว่าง 101 - 160 ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ประสานกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือ ดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในพื้นที่ รวมถึงได้จัดเจ้าหน้าชุดปฏิบัติการพร้อมด้วยเครื่องจักรกลสนับสนุนการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชื้นและลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ ติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมถึงดำเนินมาตรการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพื้นที่ป่าไม้ เน้นการบังคับใช้กฎหมายกับ ผู้ลักลอบจุดไฟเผาพื้นที่เกษตรกรรมให้กำหนดช่วงเวลาจัดระเบียบการเผา และประกาศเขตห้ามเผา ตลอดจนขอความร่วมมือประชาชน งดเว้นการเผาขยะและเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อป้องกันสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน สำหรับประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ที่มีหมอกควัน ปกคลุมให้หลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมในที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน รวมถึงใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกทุกครั้ง ที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันมิให้สูดดมฝุ่นละอองเข้าสู่ร่างกาย สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควัน สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานแก้ไขปัญหาโดยด่วนต่อไป