กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--นิโอ ทาร์เก็ต
สมาคมเพื่อนชุมชน ก้าวสู่ปีที่ 9 ผสานความร่วมมือ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ในพื้นที่มาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จังหวัดระยอง มุ่งยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ตั้งเป้าปี 2562 ร่วมขับเคลื่อนและขยายผลจังหวัดระยองให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ 3 พัฒนาระยองสู่การเป็น "เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม" ในอนาคต
นายวริทธิ์ นามวงษ์ อุปนายกสมาคมเพื่อนชุมชน เปิดเผยว่า สมาคมเพื่อนชุมชน ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นบนความร่วมมือของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด โดยมีเป้าหมายจะยกระดับความเป็นอยู่ และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น ด้วยการส่งเสริมด้านสุขภาพ การศึกษา สังคม และเศรษฐกิจชุมชน มุ่งเน้นการประยุกต์องค์ความรู้เทคโนโลยี นวัตกรรมและการบริหารจัดการภาคอุตสาหกรรมให้เป็นแบบอย่างทีดีกับชุมชน มาตั้งแต่ปี 2554 โดยเบื้องต้นดำเนินงานในพื้นที่ 6 ตำบล ได้แก่ เนินพระ ห้วยโป่ง มาบตาพุด ทับมา มาบข่าพัฒนา และบ้านฉาง หรือที่เรียกว่ามาบตาพุดคอมเพล็กซ์ จนถึงปัจจุบันสมาคมเพื่อนชุมชนก้าวสู่การทำงานเป็นปีที่ 9 โดยจะสานต่อปณิธาณเดิมและมุ่งเน้นการขับเคลื่อนขยายผลจังหวัดระยองสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับ 3 พร้อมนี้ได้จัดให้มีการประกาศความร่วมมือและแสดงเจตนารมณ์ จากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด และหน่วยงานภาครัฐทุกภาคส่วน ในงาน "ก้าวสู่ปีที่ 9...ชวนเพื่อนก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืน" งานนี้ได้รับเกียรติจากนายธีรวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธี และนายประทีป เอ่งฉ้วน ผู้ช่วยผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจาก 5 บริษัทผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมฯ ซึ่งได้แก่ กลุ่ม ปตท. เอสซีจี บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย และ บริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) มาร่วมแสดงเจตนารมณ์โดยพร้อมเพรียงกัน และได้มีการจัดนิทรรศการเพื่อแสดงผลสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังได้นำผลิตภัณฑ์จากวิสาหกิจชุมชนในจังหวัดระยองที่ผ่านการพัฒนาภายใต้โครงการ"สมาคมเพื่อนชุมชน-ธรรมศาสตร์โมเดล"จำนวนกว่า 13 ราย มาจัดแสดงด้วย
นายวริทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ในระยะเวลากว่า 8 ปีที่ผ่านมา สมาคมเพื่อนชุมชน ได้จัดโครงการและกิจกรรมต่าง ๆ กว่า 20 โครงการ ตามแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ผ่านตัวชี้วัด 5 มิติ ได้แก่ มิติด้านกายภาพ มิติด้านสังคม มิติด้านเศรษฐกิจ มิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านการบริหารจัดการที่ดี ตามแนวทางของภาครัฐ โดยสมาคมเพื่อนชุมชนจะเป็นตัวกลางในการประสานและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ผู้ประกอบการ และชุมชน เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมในมาบตาพุดให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยความจริงใจ จริงจัง มุ่งมั่น และพร้อมแก้ปัญหาร่วมกัน ด้วยการถ่ายทอดความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ และมุ่งหวังให้อุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน โดยโครงการต่างๆดังกล่าว ประกอบด้วย โครงการด้านการศึกษา โครงการด้านสุขภาพ การยกระดับทางเศรษฐกิจ และ การสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
โครงการด้านการศึกษา มีโครงการเพื่อนชุมชนติวเตอร์ (CPA Tutor) โครงการมอบทุนปริญญาตรีต่อเนื่องเพื่อนชุมชน ปัจจุบันมีการมอบทุนการศึกษาแล้วทั้งหมด 213 ทุน รวมตลอด 8 ปี มอบทุนการศึกษาไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการเพื่อนชุมชนคนอาชีวะ (V-Camp) และโครงการพยาบาลทุนเพื่อนชุมชน ซึ่งโครงการด้านการศึกษาเหล่านี้ สมาคมฯมีแนวคิดว่า หากเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ มีการศึกษาที่ดีก็จะเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งเยาวชนที่ได้รับโอกาสจากโครงการนี้จะรับรู้ถึงคุณค่าและมีจิตสำนึกรักบ้านเกิด และจะนำความรู้ที่ได้รับกลับมาตอบแทนให้กับจังหวัดระยองบ้านเกิดของพวกเขา
โครงการด้านสุขภาพ มีโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ โครงการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ โครงการพยาบาลทุนเพื่อนชุมชนจำนวน 440 ทุน โดยนักเรียนทุนพยาบาลจะเข้าประจำการในโรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดระยอง ครบตามจำนวนทุนในปี 2564 โครงการยกระดับศักยภาพบุคลากร อสม. และการสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์พื้นฐาน ให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพให้แก่ชุมชนในพื้นที่
การยกระดับทางเศรษฐกิจ เป็นหนึ่งในพันธกิจหลักของสมาคมเพื่อนชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้คนในพื้นที่สามารถสร้างอาชีพและสามารถพึ่งตนเองได้ และยกระดับเป็นจังหวัดตัวอย่างที่มีวิสาหกิจชุมชนที่เข้มแข็งในอนาคต ซึ่งถือได้ว่าวิสาหกิจชุมชนเป็นเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศ และเป็น 1 ใน 12 นโยบาย "ประชารัฐ" ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้ามาพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าให้คนในพื้นที่ และแก้ไขปัญหาธุรกิจให้กับชุมชน ที่สำคัญยังได้สร้างแบรนด์เป็นของตนเอง ภายใต้โครงการ "เพื่อนชุมชน-ธรรมศาสตร์โมเดล" ซึ่งที่ผ่านมามีทั้งหมด 3 รุ่น จำนวนวิสาหกิจชุมชน 21 กลุ่ม และปีนี้เป็นรุ่นที่ 4 อยู่ในระหว่างการพัฒนา จำนวนวิสาหกิจชุมชน 8 กลุ่ม
การสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม สมาคมฯได้ส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นสมาชิก โดยสมาคมฯมีนโยบายให้สมาชิกของสมาคมเพื่อนชุมชนจะต้องเข้าร่วมโครงการประเมินโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) โดยในปี 2562 สมาชิกสมาคมฯจะผ่านการรับรองครบ 100% โดยมีจำนวนโรงงานที่ผ่านการรับรองจำนวน 76 ทะเบียนโรงงาน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขกลุ่มโรงงานที่ผ่านการรับรองโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสูงที่สุดในประเทศไทย ในส่วนภาคประชาสังคมสมาคมฯได้ส่งเสริมการประเมินตามกรอบกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพนากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการ วัดเชิงนิเวศ (Eco Temple) และโรงเรียนเชิงนิเวศ (Eco School) โดยมีโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการคือ โรงเรียนวัดกรอกยายชา ซึ่งเป็นโรงเรียนต้นแบบ เพื่อพัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town) และเมืองน่าอยู่อย่างยั่งยืน (Green City)
นายวริทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2562 สมาคมเพื่อนชุมชนมีแผนขับเคลื่อนและขยายผลจังหวัดระยองให้เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระดับที่ 3 (Resources Efficiency Level) หรือ การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ด้วยกลยุทธ์ SHE-WE Model หรือ ชีวี-มีสุข ซึ่งได้แก่ Social คือ สังคมมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ Health คือ คนในสังคมมีสุขภาพดี Environment คือ บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ Welfare คือ มุ่งให้คนในสังคมกินดีอยู่ดี และ Education คือ สร้างโอกาสทางการศึกษาเพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิด และตั้งเป้า 76 โรงงานในมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ เป็น Eco Factory ครบ 100% ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตไปพร้อม ๆ กับเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมและชุมชนอยู่ร่วมกับอุตสาหกรรมอย่างมีความสุข เพื่อพัฒนาสู่ "เมืองน่าอยู่ คู่อุตสาหกรรม" ในอนาคต
"ตลอด 8 ปี ของสมาคมเพื่อนชุมชน ทำให้จังหวัดระยองเกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถสร้างความเข้มแข็งแก่คนในพื้นที่อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มั่นคงในระยะยาว รวมถึงสร้างอาชีพให้แก่ชุมชนมีรายได้สามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้ประกอบอุตสาหกรรมในพื้นที่ นอกจากนี้เยาวชนในพื้นที่ได้รับโอกาสด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษา การเชิญติวเตอร์ชั้นนำระดับประเทศมาให้ความรู้แก่เยาวชน รวมไปถึงการดูแลพื้นที่สีเขียว และสิ่งแวดล้อม ทำให้ จ.ระยอง มีสิ่งแวดล้อมที่ดีควบคู่กับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวระยอง" นายวริทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย