กรุงเทพฯ--18 ก.พ.--IR PLUS
SMPC แจ้งผลงานปี 2561 กวาดยอดขาย 4,450.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9% และมีกำไร 558.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากต้นทุนเหล็กที่สูงขึ้นและการแข่งขันด้านราคา ด้านบอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังอีก 0.33 บาท/หุ้น กำหนดจ่าย 26 เมษายนนี้ "สุรศักดิ์ เอิบสิริสุข" เอ็มดี เดินหน้าสร้างผลงานสวย ตั้งเป้ายอดขายปี 2562 โต 15 - 20% เติบโตอย่างมีเสถียรภาพทุกๆ ปี ประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมถังแก๊สยังสดใสรับดีมานด์ในตลาดโลกโต เดินหน้ารุกตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเอเชียใต้และแอฟริกา ด้วยกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2561 ที่ 8.2 ล้านใบต่อปีเป็น 10 ล้านใบต่อปีในปัจจุบัน
นายสุรศักดิ์ เอิบสิริสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหมิตรถังแก๊ส จำกัด (มหาชน) หรือ SMPC ประกอบธุรกิจผลิตถังทนความดันแบบต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์หลักเป็นถังสำหรับบรรจุแก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม และสำหรับใช้เป็นแหล่งพลังงานรถยนต์ โดยจำหน่ายภายในและต่างประเทศ ภายใต้เครื่องหมายการค้า "SMPC" รวมทั้งรับจ้างผลิตภายใต้เครื่องหมายการค้าต่างๆ เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ งวดปี 2561 บริษัทฯ มียอดขายรวมอยู่ที่ 4,450.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่มียอดขาย 4,326.80 ล้านบาท โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 123.77 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.9% ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนการขายส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชียและแอฟริกา ส่วนกำไรสุทธิงวดปี 2561 อยู่ที่ 558.42 ล้านบาท จากงวดปี 2560 อยู่ที่ 531.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5 % สาเหตุที่กำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากยอดขายและรายได้อื่นเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.63 บาท ซึ่งได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วสำหรับงวด 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 ยังคงเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวด 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.33 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 176,717,090 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) 5 เมษายน 2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 เมษายน 2562
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2562 ตั้งเป้ายอดขายจะเติบโต 15 - 20% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งปริมาณและมูลค่าตามความต้องการใช้ถังก๊าซที่เติบโตในภูมิภาคเอเชียใต้และแอฟริกา สำหรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนั้น เพื่อรองรับตลาดที่ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทส่งออกถังก๊าซในสัดส่วน 94% ไปยังทุกทวีปกว่า 100 ประเทศ โดยมีตลาดหลักในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกา ขณะที่มีการจำหน่ายถังก๊าซในประเทศราว 6% มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศราว 50 - 60%
"ในปี 2562 เชื่อว่าแนวโน้มธุรกิจยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกจากคำสั่งซื้อถังแก๊สจากตลาดในทวีปแอฟริกาและเอเชียยังโตต่อเนื่อง บวกกับตลาดถังแก๊สในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ยังมีศักยภาพเติบโตได้อีก เพราะการสนับสนุนของภาครัฐที่มองว่า LPG เป็นเชื้อเพลิงที่มีราคาถูกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม" นายสุรศักดิ์ กล่าว