กรุงเทพฯ--24 ม.ค.--ทีโอที
ทีโอที-เอไอเอส ประกาศร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ ผนึกจุดแข็งเสริมความแข็งแกร่ง เพิ่มความหลากหลายและสะดวกสบายอย่างครบวงจรให้ลูกค้าทั้งโครงข่ายโทรพื้นฐานและมือถือ
ทีโอที และ เอไอเอส ประกาศการเป็นพันธมิตรร่วมกัน ผนึกจุดแข็งทางธุรกิจทั้งด้านโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือ มุ่งส่งเสริมพัฒนาบริการที่มีอยู่เพื่อสร้างความหลากหลายและสะดวกสบายอย่างครบวงจรตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการทั้งโทรศัพท์บ้านและมือถือ
นายกิตติพงศ์ เตมียะประดิษฐ์ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2551 ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบให้ ทีโอที ร่วมมือกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส ในการส่งเสริมและพัฒนากิจการโทรคมนาคมของประเทศไทย โดยเห็นว่าปัจจุบันนี้เทคโนโลยีระบบสื่อสารโทรคมนาคมและสารสนเทศมีการหลอมรวมกันทำให้การติดต่อสื่อสารทางเสียง ข้อมูล และภาพ สามารถทำได้ร่วมกันทั้งบนโครงข่ายแบบมีสายและไร้สาย ความร่วมมือร่วมกันนี้มุ่งเน้นที่จะส่งเสริมและพัฒนาการใช้โครงข่ายโทรคมนาคมร่วมกัน โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่จะบังเกิดขึ้นต่อประเทศชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และ เทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้บริการซึ่งถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญ และอยู่บนหลักการที่จะไม่ให้มีผลกระทบต่อการยกเลิก เพิกถอน หรือลบล้างนิติกรรม สัญญา หรือข้อตกลงใดๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ทีโอที และ เอไอเอส จึงได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกันในการส่งเสริมและพัฒนากิจการโทรคมนาคมไทยในวันนี้ เพื่อเป็นพันธมิตรธุรกิจที่จะร่วมมือระหว่างกัน ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยให้มีความแข็งแกร่ง เพราะจะทำให้มีโครงข่ายโทรคมนาคมพื้นฐานที่ให้บริการได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงยิ่งขึ้นเพียงพอกับความต้องการของประชาชน ขณะเดียวกันจะเป็นการขยายโอกาสให้ประชาชนในทุกพื้นที่มีและได้ใช้ระบบโทรคมนาคมที่มีประสิทธิภาพในราคาที่ยุติธรรมมากขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อการส่งเสริมพัฒนาการศึกษา วัฒนธรรม คุณภาพชีวิต และประโยชน์สาธารณะอื่นๆ ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดการลงทุนด้านโครงข่ายของ ทั้งสองฝ่ายมิให้เกิดการซ้ำซ้อน ช่วยลดการสูญเสียเงินค่าใช้จ่ายของประเทศชาติ และสามารถใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
การทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันนี้นับเป็นก้าวแรกของ ทีโอที ที่จะร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อการส่งเสริมและพัฒนากิจการโทรคมนาคมไทย โดยร่วมมือกับ เอไอเอส เป็นรายแรกและมีเจตจำนงที่จะร่วมมือในลักษณะเช่นนี้กับภาครัฐและภาคเอกชนทุกราย และเชื่อมั่นว่าจะสามารถร่วมมือกับผู้ให้บริการรายอื่นในโอกาสต่อไป
การร่วมเป็นพันธมิตรธุรกิจระหว่าง ทีโอที และ เอไอเอส จะเป็นการพัฒนาโครงข่ายของ ทีโอที ให้สามารถให้บริการแบบ Fixed-Mobile Convergence ร่วมกันได้ โดย ทีโอที จะมุ่งเน้นสร้างความเติบโตในบริการบรอดแบนด์ เช่น การเป็น Home Hub เพื่อเพิ่มมูลค่าบริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตได้สูงสุด พร้อมกับการพัฒนาโครงข่ายไปสู่ NGN (Next Generation Network) ที่ทันสมัย
ความสำเร็จของการดำเนินงานในครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที โดยเฉพาะ พลเอก สพรั่ง กัลยาณมิตร ประธานกรรมการ ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนส่วนรวม เนื่องจากระบบ โทรคมนาคมเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนที่สำคัญประการหนึ่ง และได้ผลักดันการดำเนินการมาโดยตลอดจนเกิดความร่วมมือและเป็นผลสำเร็จ
นายวิเชียร เมฆตระการ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส กล่าวว่า การเป็นพันธมิตรธุรกิจกันในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือเพื่อนำความแข็งแกร่งของทั้งสองโครงข่ายมาพัฒนาก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในส่วนของการบริการและประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจของทั้ง บมจ.ทีโอที และ เอไอเอส โดย บมจ.ทีโอที ซึ่งเป็นผู้นำด้านระบบโทรคมนาคมทางสาย มีโครงข่ายโทรศัพท์พื้นฐานที่ใหญ่และกว้างขวางที่สุดในประเทศไทย และมีโครงสร้างพื้นฐานในการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีชั้นสูง ส่วน เอไอเอส ก็มีระบบโครงข่ายโทรคมนาคมไร้สายที่มีขนาดใหญ่ มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และมีความหลากหลายของการให้บริการ ดังนั้น เมื่อนำจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาร่วมมือกันก็จะทำให้ ทั้งสองโครงข่ายสามารถเร่งพัฒนาให้รองรับการให้บริการตามความต้องการของประชาชนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในอนาคตได้เป็นอย่างดี ตลอดจนจะ ทำให้โครงข่ายทั้งสองสามารถทำงานร่วมกันได้ (Convergence) เพื่อสร้างความสะดวกสบายและบริการที่หลากหลาย ครบวงจร และคุ้มค่าให้แก่ผู้ใช้บริการของทั้งสองโครงข่าย
ทั้งนี้ บมจ.ทีโอที และ เอไอเอส จะตั้งคณะทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อพิจารณารายละเอียดทางธุรกิจและการพัฒนาโครงข่ายที่จะให้เกิดบริการต่างๆ ให้กับผู้ใช้บริการของทั้งโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่