กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--ปัญจวัฒนาพลาสติก
"วิวรรธน์ เหมมณฑารพ" บิ๊กบอส PJW ส่งซิกธุรกิจปี 62 เข้าสู่โหมดการเติบโต อานิสงส์ลูกค้ากลุ่มออโต้ บรรจุภัณฑ์นม กดปุ่มสั่งออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง พร้อมใส่เกียร์เดินหน้าธุรกิจในประเทศจีนเต็มสูบ หนุนยอดขายปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 8-10%
นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) (PJW) แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ คาดว่ายอดขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการออกจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ และอุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาฟื้นตัว หลังหมดโครงการรถยนต์คันแรก ทำให้ค่ายรถยนต์มีการออกโมเดลรถใหม่ ส่งผลให้มีออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มฟื้นตัว รวมทั้งบริษัทฯมีแผนจะขยายลงทุนในโรงงานพ่นสี เฟส 1 เนื่องจากได้รับออร์เดอร์เพิ่มเติมในโมเดลที่หลากหลายมากขึ้นและมีปริมาณมากเพียงพอสำหรับการลงทุนเพิ่มโดยคาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2562 ถือเป็นอีกปัจจัยหนุนที่ทำให้ผลประกอบการปีนี้เข้าสู่โหมดของการเติบโต
นอกจากนี้ ในส่วนของสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น เริ่มมีสัญญาณที่ดีเช่นเดียวกัน จากปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้าเริ่มทยอยกลับมาแล้ว ดังนั้นน่าจะมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง รวมไปถึงสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์นม และนมเปรี้ยว ปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน
ประธานกรรมการบริหาร PJW กล่าวอีกว่า ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศจีน ปัจจุบันมี บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก (เจียงซู) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งอยู่ที่มณฑลเจียงซู ประเทศจีน ขณะนี้ลูกค้าได้อนุมัติให้บริษัทเข้าทำสัญญาตั้งแต่ในไตรมาส 3/61 โดยสัญญามีระยะเวลา 6 ปี และต่อสัญญา 2 ปี คาดว่าปีหน้าจะเริ่ม มียอดขายทยอยเข้ามาประมาณ 100 ล้านบาท และประมาณการไว้ว่าจะเพิ่มเป็น 300 ล้านบาทในปี 2563
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,986.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 291.5 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.82 และ ขาดทุนสุทธิรวมเท่ากับ 11.75 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากในไตรมาส 3 บริษัทมีผลขาดทุนถึง 33.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายการทดสอบและขึ้นชิ้นงานตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ใหม่ของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยว รวมถึงต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมากของชิ้นงานพ่นสีจากประสิทธิภาพการผลิตที่ยังไม่ได้ตามมาตรฐานและต้นทุนของเสียในช่วงเริ่มต้นโครงการผลิตภัณฑ์ใหม่ 2-3 เดือนแรก และยังมีปัญหาการพัฒนาแม่พิมพ์ที่ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขชิ้นงาน และทำให้การเริ่มออกตลาดผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าช้าไม่เป็นไปตามแผน ซึ่งปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้ถูกแก้เสร็จสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4 บริษัทกลับมามีผลกำไร 6.8 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2562 นี้ ส่วนภาพรวมยอดขายของลูกค้าทั้งกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ และโรงพ่นสี และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเนื่องจากผลิตภัณฑ์ใหม่หลายรายการเริ่มมีงานขายเชิงพาณิชย์แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณดีที่ทำให้ผู้บริหารเชื่อมั่นว่าในปี 2562 ผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามแผน