กรุงเทพฯ--25 ก.พ.--ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,152 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 20 - 23 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งกลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่าประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ต้องการสะท้อนความคิดเห็นในเรื่องความคาดหวังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฏร หลังจากมีการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ความตื่นตัวทางการเมืองของพรรคการเมือง นักการเมือง และประชาชนได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติแบบใด ที่ประชาชนคาดหวัง และการตัดสินใจจะเลือกผู้สมัครแบบใด การสังกัดพรรคการเมืองมีผลต่อการตัดสินใจหรือไม่ และคิดว่าผู้ใดที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป การสมัครของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมบัญชีผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีที่พรรคการเมืองต้องแจ้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และบรรยากาศในการหาเสียงของพรรคการเมืองและผู้สมัคร ก่อนการเลือกตั้ง 1 เดือน ความคิดเห็นของประชาชนต่อความคาดหวังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าจะไปเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 24 มีนาคม 2562 ร้อยละ 83.6 รองลงมาคือไม่แน่ใจ ร้อยละ 10.5 และไม่ไป ร้อยละ 5.9
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรที่มีคุณสมบัติที่มีความซื่อสัตย์โปร่งใส มากที่สุด ร้อยละ 45.6 อันดับที่สองคือ มีการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ร้อยละ 15.2 อันดับที่สามคือ มีการปฏิบัติงานให้เห็นเป็นรูปธรรม ร้อยละ 13.1 อันดับที่สี่คือ ความเสียสละทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 12.3 อันดับที่ห้าคือ มีความขยันทุ่มเทในการทำงาน ร้อยละ 10.1และหากต้องไปเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจะตัดสินใจเลือกบุคคลประเภท ผู้ที่มีความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 47.3 อันดับที่สองคือ ผู้ที่มีความเสียสละเพื่อสังคม ทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 22.7 อันดับที่สามคือ ผู้ที่อยู่ในพื้นที่และทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 12.5 อันดับที่สี่คือ ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีประวัติการศึกษาและการทำงานอย่างมากมาย ร้อยละ 10.7 อันดับที่ห้าคือ ผู้ที่เป็นลูกหลาน ตระกูลนักการเมือง ร้อยละ 2.6
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากพรรคการเมืองให้ความสำคัญกับนโยบาย ด้านเศรษฐกิจและการส่งเสริมอาชีพ มากที่สุด ร้อยละ 45.3 อันดับที่สองคือ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 27.0 อันดับที่สามคือ ด้านการศึกษาและคุณภาพชีวิต ร้อยละ 10.2 อันดับที่สี่คือ ด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 5.7 อันดับที่ห้าคือ ด้านศิลปวัฒนธรรมและการพัฒนาสังคม ร้อยละ 4.8 และปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจในการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ตัวผู้สมัคร ร้อยละ 63.8 และพรรคการเมืองที่สังกัด ร้อยละ 36.2
หากมีการเลือกตั้งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดว่าจะเลือกพรรคอนาคตใหม่ มากที่สุด ร้อยละ 37.8อันดับที่สองคือพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 23.9 อันดับที่สามคือพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 15.4 อันดับที่สี่คือพรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 10.6 อันดับที่ห้าคือ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 3.2 และคิดว่าบุคคลที่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุดคือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ร้อยละ 36.6 อันดับที่สองคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 18.4 อันดับที่สามคือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 16.8 อันดับที่สี่คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 11.0 อันดับที่ห้าคือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ร้อยละ 5.0
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทราบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร มีหน้าที่ทำอะไร ร้อยละ 71.6 รองลงมาคือไม่ทราบ ร้อยละ 20.4 และไม่แน่ใจ ร้อยละ 8.0 โดยในเรื่องบัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ทราบว่ามีบัตรเลือกตั้ง 1 ใบในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม 2562 ร้อยละ 62.2 และทราบว่ามีบัตรเลือกตั้ง 1 ใบเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ร้อยละ 62.1