กรุงเทพฯ--26 ก.พ.--ช ทวี
CHO โชว์งบปี 61 กวาดรายได้กว่า 2,287.60 ล้านบาท พุ่ง 43% ขณะที่มีกำไร 45.47 ล้านบาท พุ่ง 333% จากช่วงปีก่อน อานิสงส์ยอดขายรถลำเลียงอาหาร และรถโดยสารในปรเทศหนุน ด้าน "สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย" บิ๊กบอส แย้มแผนธุรกิจปี 62 ลุยงานขยายศูนย์ซ่อมบำรุง "สิบล้อ 24 ชม." อีก 2 แห่ง หวังรายได้เข้าสม่ำเสมอต่อเนื่อง และสร้างอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น พร้อมไฟเขียวเพิ่มทุนขาย RO จำนวนไม่เกิน 392,665,955 หุ้น แจกวอแรนต์ฟรี 2:1 นำเงินที่ได้ใช้ขยายธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2561 ว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 2,287.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 691.78 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 43% จากงวดเดียวของปีก่อน ขณะเดียวกัน บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333% จากงวดเดียวกันของปีก่อน EBITDA เท่ากับ 267.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 225% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
"ในปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้ตามสัญญาจำนวน 2,052.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 48% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดขายในกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ออกแบบพิเศษ จากการผลิต ประกอบรถลำเลียงอาหาร และรถโดยสารซึ่งรับรู้รายได้ตามความสำเร็จของงาน และมีรายได้จากการขายและบริการ 214.15 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นจากงานบริการซ่อมบำรุงรถโดยสาร ตามสัญญาซ่อมบำรุงระยะยาว ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ในปี 2562 ถึง 2571 บริษัทฯ จะมีรายได้ประจำเป็นค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV รุ่นใหม่เป็นระยะเวลา 10 ปี ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของงานกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ที่ได้รับมาไม่สม่ำเสมอ ส่งผลทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย" นายสุรเดช กล่าว
ส่วนแผนกลยุทธ์ในปี 2562 บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าขยายศูนย์ซ่อมบำรุง "สิบล้อ 24 ชม." เพิ่มอีกจำนวน 2 แห่ง โดยปัจจุบันมี 1 แห่ง ที่จังหวัดชลบุรี เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง มีรายได้สม่ำเสมอ และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีอีกด้วย
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯ งานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 3,795 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 38 % ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติเห็นชอบ เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ซึ่งไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ ณ วันที่คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้มีการเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 392,665,955 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท
และมีมติเห็นชอบเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนรุ่นที่ 2 (CHO-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) จำนวนไม่เกิน 654,443,258 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งไม่เกินร้อยละ 50 ของทุนชำระแล้ว โดยจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิฯรุ่นที่ 2 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ในอัตรา 2 หุ้นสามญเดิมต่อ 1ใบสำคัญแสดงสิทธิ
นอกจากนี้ มีมติเห็นชอบเพิ่มทุนจดทะเบียน เป็น 588,998,932.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,047,109,213 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาทเพื่อรองรับการออกเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) และรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 2 (CHO-W2)
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในกิจการ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและรองรับการขยายธุรกิจหลักของบริษัทฯ และ/หรือ เพื่อเป็นเงินทุนในการดำเนินงานโครงการที่บริษัทฯชนะการประมูลแล้ว รวมถึงโครงการในอนาคต ตามที่กำหนดดังต่อไปนี้ คือ 1.โครงการบริหารจัดการรถขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ดำเนินงานโดยบริษัท อมรรัตนโกสินทร์ จำกัด ARK ในการรวบรวม บริษัทรถร่วมบริการในกรุงเทพ 2.โครงการจัดการ Big Data เป็นโครงการต่อเนื่องจากข้อ 1 ในการเก็บข้อมูลจากระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ที่มีการเชื่อมข้อมูล เพื่อนำมาบริหารจัดการและดำเนินการต่างๆ จนนำไปเป็นสินค้าในอนาคต 3. โครงการขอนแก่นพัฒนาเมือง 4.โครงการ London Taxi สำหรับผู้ใช้บริการในกรุงเทพฯและบริหารโครงการดังกล่าว
"ประโยชน์ที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน สภาพคลองทางการเงิน และเงินทนหมุนเวียนให้กับบริษัท รวมทั้งช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทนทุนที่เข้มแข็งเพื่อสร้างความพร้อมด้านเงินทุน สำหรับรองรับการลุงทนในอนาคต ซึ่งแผนการลงทนในอนาคตจะนำ มาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บริษัท และผู้ถือหุ้น" นายสุรเดช กล่าว