กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--เวิร์คลิ้งค์ ดาเอเจนซี่
ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้นำเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในการจ่ายปันผล สำหรับปี 2561 จากกำไรสะสม ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท เป็นจำนวนเงิน 16.72 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท ดังนั้น บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.01 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 8.60 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 58.72% ของกำไรสะสมส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรรก่อนจ่ายปันผลประจำปี 2561 กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พ.ค. 62 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 22 พ.ค. 62 (ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 24 เม.ย. 62 )
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ PPS มุ่งเน้นพัฒนาการทำงานให้มีความเป็นสากล เพิ่มขีดความสามารถในการรับงานประเภทต่างๆได้มากขึ้น และสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ จากการที่บริษัทได้ร่วมทุนกับ Oneworks บริษัทสถาปนิกชั้นนำจากประเทศอิตาลี มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบและเทคโนโลยี อีกทั้งมีประสบการณ์ในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ อาทิ โครงการสนามบิน โครงการรถไฟ โครงการท่าเรือ และการพัฒนาเมือง โดยเปลี่ยนชื่อ PPSD เป็น PPS Oneworks ขยายธุรกิจด้านการออกแบบ การบริหารงานก่อสร้าง งานประมาณราคา (Quantity Surveyor) และ Technical Support ด้วยเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) ขณะนี้มีงานที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการประมาณ 20 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 342 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2566 โดยบริษัทได้รับงานจากโครงการใหม่ อาทิ งานเดอะมอลล์ 2 โครงการ The EmSphere คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 202 ล้านบาทภายในปีนี้ นอกจากนี้มีงานที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา มูลค่ารวมมากกว่า 70 ล้านบาท อาทิ งานโรงแรม งานโมเดิร์นเทรด ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนเพื่อเตรียมเข้าเสนองานในโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งบริษัทมีความพร้อมมากขึ้นจากการร่วมทุนกับ Partner ที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศ ซึ่งจะเข้ามามีส่วนช่วยในการยื่นประมูลงานในอนาคต เช่น งานรถไฟ งานโครงการท่าเรือ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 425 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10%
ขณะที่ผลประกอบการปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 387.09 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 396.03 ล้านบาท จำนวน 8.94 ล้านบาท หรือลดลง 2.26 % และมีกำไรสุทธิ 7.42 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.17 ล้านบาท จำนวน 47.75 ล้านบาท หรือลดลง 86.55% ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทมีการชะลอตัวลงเนื่องจาก ความล่าช้าจากโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงร่วมกัน ส่งผลให้มีการปรับประมาณการต้นทุนและรายได้ของโครงการดังกล่าว