TVD มั่นใจยุติเข้าลงทุนช่องสปริงนิวส์ไม่กระทบ ยังร่วมงานกันเหมือนเดิม โชว์กำไรสุทธิปีที่ผ่านมา 57.57 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี ปี 62 ชูกลยุทธ์ Omni Channel บุกหนักทุกช่องทาง ดันรายได้เติบโต 20%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 27, 2019 11:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 ก.พ.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย บมจ.ทีวี ไดเร็ค หรือ TVD ยุติการเข้าซื้อหุ้นสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น เพื่อเข้าดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัล ช่องสปริงนิวส์ (ช่อง 19) หลัง กสทช. เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ส่งผลให้เกิดการเจรจาเงื่อนไขใหม่ที่ยังไม่ลงตัว ด้านผู้บริหารมั่นใจไม่กระทบการดำเนินธุรกิจ โชว์กำไรสุทธิปีที่ผ่านมา57.57 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 5 ปี พร้อมเตรียมจ่ายปันผลเพิ่มอีกหุ้นละ 0.03 บาท ส่วนปี 2562 ตั้งเป้ารายได้รวม 4,800 ล้านบาท เติบโต 20% ชูกลยุทธ์Omni Channel ผสมผสานช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า พร้อมเตรียมพัฒนาร้านค้าปลีกคอนเซปต์ใหม่ นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตัดสินใจยุติการเข้าลงทุนในสถานีโทรทัศน์ทีวีดิจิทัล ช่อง 19 (ช่องสปริงนิวส์) โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 มีมติให้ยุติการเข้าซื้อหุ้นบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ในเครือ บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจสถานีโทรทัศน์ระบบดิจิทัลช่อง 19 (ช่องสปริงนิวส์) เนื่องจากภายหลังที่ กสทช. เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ส่งผลให้เกิดการเจรจาระหว่างกันภายใต้เงื่อนไขใหม่ ซึ่งยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ อย่างไรก็ตาม การยกเลิกเข้าลงทุนในช่อง 19 จะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินงานและเป้าหมายการเติบโตในปี 2562 โดยทีวี ไดเร็คยังคงเป็นผู้เช่าเวลากับช่อง 19 เพื่อผลิตรายการโฮมช้อปปิ้งออกอากาศทางสถานี และเดินหน้าขยายการลงทุนในส่วนอื่นๆ เพื่อผลักดันการเติบโตและเพิ่มศักยภาพการขายสินค้าและบริการที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดีตามเป้าหมาย โดยเฉพาะผลกำไรสุทธิถือว่าดีที่สุดในรอบ 5 ปีนับจากปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิ 57.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187.41% จากปีก่อนที่ขาดทุน 68.29 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 3,993.24 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.24% จากปีก่อนที่ทำได้3,329.11 ล้านบาท ปัจจัยมาจากการปรับรูปแบบโฆษณาและรายการโฮมช้อปปิ้งให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น การนำเสนอสินค้าใหม่ๆ และยอดขายช่องทางออนไลน์ที่เติบโตได้ดี ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิงวด 12 เดือน ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท โดยบริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 0.05 บาท และจะจ่ายปันผลเพิ่มหุ้นละ 0.03 บาท โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 มีนาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2562 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวอีกว่า ส่วนปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 4,800 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% โดยรายได้จะมาจากธุรกิจของทีวี ไดเร็ค 3,300 ล้านบาท และจาก 6 บริษัทในเครืออีก 1,500 ล้านบาท ได้แก่ 1.ทีวีดี ช้อปปิ้ง (ถือหุ้น 65%) 2.ลาสไมล์ ไดเร็ค (ถือหุ้น 99.99%)3.ทีวีดี โบรกเกอร์ (ถือหุ้น 99.99%) 4.ทีวีดี เซอร์วิสเซส (ถือหุ้น 99.99%) 5.เมจิก พีวอท (ถือหุ้น 60%) และ 6.ทรี-อาร์ดี (ถือหุ้น 25%) ซึ่งจะรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนถือหุ้น โดยกลยุทธ์หลักของทีวี ไดเร็ค จะมุ่งเน้นการทำ Omni Channel Direct Marketing Experience ซึ่งจะผสมผสานการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยช่องทาง 'ออนไลน์ ช้อปปิ้ง' ได้ร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับสื่อโซเชียล มีเดียชั้นนำเพื่อพัฒนากลยุทธ์การทำโฆษณาร่วมกัน พร้อมกันนี้บริษัทฯ วางแผนปรับโฉมเว็บไซต์และโมบาย แอพพลิเคชั่นใหม่ ส่วนช่องทาง 'ทีวี ช้อปปิ้ง' จะมุ่งพัฒนารูปแบบการนำเสนอสินค้าและสปอตโฆษณาใหม่ๆ รวมถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า (Create Customer Experience) ส่วนช่องทางสุดท้าย 'ไดเร็ค ช้อปปิ้ง' บริษัทฯ จะรุกใช้สื่อโฆษณาทางทีวีดิจิทัลช่องต่างๆ พร้อมนำเทคโนโลยีแชตบอทและ AI เข้ามาใช้งาน รวมถึงพัฒนาร้านทีวี ไดเร็ค โชว์เคส ภายใต้คอนเซปต์ใหม่และแฟลกชิพสโตร์รูปแบบใหม่ภายในห้างสรรพสินค้าส่วนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือ ได้วางกลยุทธ์ที่จะสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่บริษัทแม่ เช่น ทีวีดี ช้อปปิ้งที่มีแผนเพิ่มกลุ่มสินค้าใหม่ๆ, ลาสไมล์ ไดเร็ค เตรียมนำซอฟท์แวร์มาใช้เพื่อลดต้นทุนการจัดการ, ทีวีดี โบรกเกอร์ เน้นการนำเสนอประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุมากขึ้นเพื่อรับเทรนด์ผู้สูงอายุ, เมจิก พีวอท เน้นการทำตลาดเข้าถึงลูกค้าโดยตรง, ทรี-อาร์ดี จะขยายธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มด้านการสั่งอาหาร เป็นต้น "ปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯ รุกหนักมากขึ้นเพื่อผลักดันการเติบโตทุกช่องทาง โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้เท่าตัวเป็น 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 10% ประกอบกับเป็นปีที่บริษัทเตรียมฉลองครบรอบ 20 ปี โดยเรามีแผนจัดแคมเปญใหญ่เพื่อสร้างยอดขายเติบโตตามเป้าหมาย" นายทรงพล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ