กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
เฮงเค็ลมีความก้าวหน้าในการดำเนินตามกลยุทธ์ความยั่งยืนในปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง โดยพลาสติกเป็นหนึ่งในประเด็นหลักที่บริษัทมุ่งเน้น โดยตั้งเป้าหมายขั้นสูงด้านการใช้บรรจุภัณฑ์ต่างๆ เพื่อผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนที่มีความยั่งยืน
"เรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งในสิ่งที่เฮงเค็ลให้ความสำคัญเป็นลำดับต้นๆ มาอย่างยาวนาน ปีนี้เป็นปีที่ 28 แล้วที่เรารายงานความก้าวหน้าในการลดใช้ทรัพยากรและสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน เราประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการ ความคิดริเริ่ม และกิจกรรมต่างๆ ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากพันธมิตรของเรา" แคทริน เมนเจส รองประธานบริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคล และประธานสภาความยั่งยืนของเฮงเค็ล กล่าว
สร้างสรรค์คุณค่าที่ยั่งยืน
เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน เฮงเค็ลต้องการสร้างคุณค่าที่เพิ่มมากขึ้นให้กับลูกค้าและผู้บริโภค รวมทั้งชุมชนที่บริษัทดำเนินธุรกิจ และองค์กรของเฮงเค็ลเอง ให้ได้ภายในปี 2573 ไปพร้อมกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฮงเค็ลได้สนับสนุนการดำเนินงานเชิงรุกของ 17 Sustainable Development Goals (SDGs) หรือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติในปี 2558
ในปี 2560 เฮงเค็ลมีผลการดำเนินงานที่ก้าวหน้าตามเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ปี 2563 (เมื่อเทียบกับปีฐานคือ 2553) ดังนี้
- ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (ต่อผลผลิตหนึ่งตัน) ลง 25%
- ลดปริมาณของเสีย (ต่อผลผลิตหนึ่งตัน) ได้ 29%
- ลดการใช้น้ำ (ต่อผลผลิตหนึ่งตัน) ได้ 24%
- เพิ่มยอดขายสุทธิ (ต่อผลผลิตหนึ่งตัน) ขึ้น 6%
- เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน (ต่อหนึ่งล้านชั่วโมงทำงาน) มากขึ้น 17%
โดยภาพรวม เฮงเค็ลเพิ่มประสิทธิภาพทั้งหมดของบริษัทได้ 43% เมื่อเทียบกับปีฐานคือ 2553 ด้วยการดำเนินกิจกรรมในทุกภูมิภาคทั่วโลก เฮงเค็ลยังมีแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้ได้ 75% ภายในปี 2563
ส่งเสริมการปกป้องสภาพภูมิอากาศโลกในเชิงรุก
จากความตกลงปารีส (Paris Climate Agreement) เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก เฮงเค็ลมุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมเชิงรุกในการจำกัดภาวะโลกร้อนให้ระดับอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส โดยมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตให้ได้ 75% ภายในปี 2573 เฮงเค็ลยังพยายามที่จะใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งที่ผลิตเชื้อเพลิงหมุนเวียนให้ได้ 100% ภายในปี 2573 ในขณะเดียวกันบริษัทยังต้องการยกระดับศักยภาพด้านแบรนด์และเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้ลูกค้าและผู้บริโภคลดกิจกรรมที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้ 50 ล้านเมตริกตันภายในปี2563
พันธกิจด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน ในด้านการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เฮงเค็ลมุ่งเน้นลดและหมุนเวียนการใช้วัสดุผลิตบรรจุภัณฑ์ รวมถึงเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากขึ้น โดยภายใต้กลยุทธ์ด้านบรรจุภัณฑ์ใหม่นั้น บริษัทตั้งเป้าที่จะใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ นำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือย่อยสลายได้ ทั้งหมด 100% ภายในปี 2568 ซึ่งจนถึงปลายปี 2561 สามารถทำได้สำเร็จแล้วกับบรรจุภัณฑ์มากกว่า 80% นอกจากนี้เฮงเค็ลยังมีเป้าหมายที่จะใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิลให้ได้ 35%สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคในยุโรป ซึ่งจนถึงปลายปี 2561 สามารถทำได้แล้วเกือบ 10%
ปัจจุบัน เฮงเค็ลทำงานร่วมกับพันธมิตรตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าเพื่อผลักดันความก้าวหน้าของเศรษฐกิจหมุนเวียน ตัวอย่างหนึ่งคือความร่วมมือกับพลาสติกแบงก์ ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจเพื่อสังคมที่มุ่งหยุดปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทรและสร้างโอกาสให้กับผู้คนที่ยากไร้ไปพร้อมกัน ภายใต้ความร่วมมือนี้ได้มีการจัดตั้งศูนย์รับซื้อขยะขึ้น 3 แห่งในเฮติ ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีการรวบรวม คัดแยก และรีไซเคิลพลาสติกแล้วราว 63 เมตริกตัน โดยเฮงเค็ลได้นำโซเชียลพลาสติกดังกล่าวไปใช้ผลิตขวดน้ำยาซักผ้าและน้ำยาทำความสะอาดบ้านแล้ว 25,000 ขวด ในปีนี้เฮงเค็ลยังสานต่อความมุ่งมั่นจากการเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตร Alliance to End Plastic Waste ทั่วโลก
ในปี 2561 ประสิทธิผลจากการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ล ได้รับการยอมรับโดยผู้เชี่ยวชาญอิสระ และองค์กรจัดอันดับ รวมทั้งตลาดทุน โดยเฮงเค็ลติดอันดับดัชนีจริยธรรม FTSE4Good อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 นอกจากนี้ยังติดอันดับในดัชนีความยั่งยืนอื่น ได้แก่ ดัชนี ECPI, ดัชนีความยั่งยืนEthibel, ดัชนี Euronext Vigeo Eiris, ดัชนี Global Challenges, ดัชนี MSCI ESG Leaders and SIRI และดัชนี STOXX Global ESG Leadersนอกจากนี้ในการจัดอันดับของ EcoVadis และ Oekom Research and Sustainalytics เฮงเค็ลอยู่ในตำแหน่งบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมที่ดำเนินอยู่ ในปี 2561 เฮงเค็ลยังเป็นบริษัทสัญชาติเยอรมันแห่งแรกที่มีชื่ออยู่ใน "green loan" ซึ่งเป็นการให้สินเชื่อเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ (credit facility) ที่มีมูลค่ามากว่า 1,500 ล้านยูโร โดยมีเงื่อนไขที่ผูกพันกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืนขององค์กร