กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--พลังงานบริสุทธิ์
EA เริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานลม "หนุมาน" ไตรมาส 1 ปีนี้ ดันกำลังการผลิตรวม 664 MWพร้อมเตรียมเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิและเลือกสีรถยนต์ EV รุ่นอเนกประสงค์ "MINE MPV" ได้เร็วๆ นี้ นัดส่งมอบรถต้นปีหน้า ตามแผนใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่ต่อยอด Smart Transport ครบวงจร
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,975.21 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30.33% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 3,817.45 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 12,490.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,673.50 ล้านบาท ปัจจัยบวกด้านการดำเนินงานที่สำคัญมาจาก ผลประกอบการจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหาดกังหันและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 4 แห่ง ซึ่งหากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมธุรกิจ Amita Technologies Inc., ไต้หวัน เข้ามา ก็จะมีกำไรสุทธิ 4,080.63 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามา 7,192.71 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามคาด และจะใช้ในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบริษัทต่อไป
"แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา โรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหาดกังหัน ที่จังหวัดสงขลาและนครศรีธรรมราชจะผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าปีก่อนประมาณ 15 ล้านหน่วย แต่ก็เป็นเรื่องของฤดูกาลมรสุมลมแรงที่เลื่อนเวลาจากเดิมที่เคยเกิดขึ้นปลายปี มาเป็นเดือนมกราคมแทน ยกตัวอย่างเช่น การเกิดพายุปาบึกในเดือนมกราคม ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า (Capacity Factor) ในเดือนมกราคมสูงถึง 47.87% นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 รวมกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ โดยส่วนที่เหลืออีก 170 เมกะวัตต์จะทยอยรับรู้รายได้ตามมาภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 นี้ จะส่งผลต่อผลประกอบการในปีนี้ให้ชัดเจนและมีกระแสเงินสดที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น พร้อมที่จะไปลงทุนในโครงการใหม่ๆ ที่ได้เตรียมการไว้" นายอมรกล่าว
ภาพรวมการดำเนินธุรกิจปี 2562 นอกจากจะเร่งรัดสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยม ไอออน แล้ว บริษัทฯ ยังมุ่งมั่นที่จะลงทุนในการพัฒนาธุรกิจต่อยอดใหม่ๆ ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทในกลุ่มได้ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเตรียมการอย่างจริงจังตลอดปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งจะได้เริ่มเห็นผลงานและทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตามแผนงานของแต่ละสายธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจด้านคมนาคมที่จะสร้าง Smart Transport แบบครบวงจร
"ในงาน Bangkok International Motor Show ปีนี้ บริษัทจะนำรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV รุ่นอเนกประสงค์ "MINE MPV" ที่พัฒนาจนใกล้พร้อมจะจำหน่ายแล้วไปแสดง และเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ พร้อมกับเลือกสีได้ โดยมีแผนจะเริ่มส่งมอบรถ EV ได้ต้นปี 2563 ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเริ่มให้บริการเรือไฟฟ้าที่จะให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เราได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราเชื่อว่า เทคโนโลยีและการต่อยอดธุรกิจของเราจะช่วยแก้ปัญหามลภาวะและฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในระดับประเทศที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนได้
ในส่วนธุรกิจไบโอดีเซล แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดของราคาปาล์มลดลงอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากผลผลิตปาล์มล้นตลาด ทำให้รายได้จากการจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซลลดลง แต่ในด้านรายได้ของผลิตภัณฑ์พลอยได้อย่างกลีเซอรีน ประสบความสำเร็จทางการตลาดด้วยดี ส่งผลให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นสูงขึ้นเป็น 6% จากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 4.74% นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเตรียมความพร้อมในการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดระยอง ด้วยงบประมาณ 1,100 ล้านบาท
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2562 จะใช้เงินทุนจากทั้งกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ได้ในปี 2561 ประมาณ 7,000 ล้านบาท ร่วมกับกระแสเงินสดที่จะได้ในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มจากปีก่อนด้วยผลการดำเนินงานจากโครงการหนุมาน อีกทั้งจะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและการออกหุ้นกู้ ซึ่งเพียงพอสำหรับการดำเนินโครงการต่างๆ" นายอมรกล่าวในที่สุด