กรุงเทพฯ--28 ก.พ.--ลลิล พร็อพเพอร์ตี้
บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่สาม โดยประกาศผลประกอบการ ปี 2561มียอดรับรู้รายได้ที่4,082.1ล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนหน้า 14% ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จากที่ขยายตัวได้ 33% และ 30% ในสองปีก่อนหน้า ทั้งนี้บริษัทยังคงความสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ได้ดีเหนือค่าเฉลี่ยของตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปี2561 มีกำไรสุทธิที่ 777.2ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน14%
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปีภายใต้คอนเซ็ปท์ "บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี"กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ในขณะที่ตลาดโดยรวมมีการขยายตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ดีบริษัทมีการบริหารงานอย่างมืออาชีพ มีการพิจารณาประเมินปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ตลอดจนมีการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากฝ่ายพัฒนาธุรกิจและฝ่ายวิจัยของบริษัทเอง ในการวางแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา แม้ว่าสภาพแวดล้อมโดยรวมของตลาดจะไม่เอื้อ บริษัทยังคงสามารถขยายตัวได้ดีกว่าภาพรวมของตลาดต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่สาม โดยสำหรับผลประกอบการปี 2561 บริษัทมียอดรับรู้รายได้ที่ 4,082.1ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 14% ในแง่ของการบริหารจัดการต้นทุน บริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อเนื่อง ทั้งต้นทุนในการจัดซื้อที่ดิน ต้นทุนในการก่อสร้าง ตลอดจนต้นทุนในการขายและบริหารงาน ส่งผลให้ในปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิที่777.2 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14%
ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน ณ สิ้นปี 2561 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ระดับเพียง 0.74 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรม ซึ่งแม้ว่าบริษัทจะมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มีการเปิดโครงการใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 7-8 โครงการต่อปี แต่การบริหารจัดการให้เกิด Economy of speed ช่วยให้รอบของเงินทุนหมุนได้จำนวนรอบมากขึ้น ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ของบริษัทปรับลดลงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการเงินอย่างรัดกุม โดยมีการใช้แหล่งเงินกู้ที่หลากหลาย และในปีที่ผ่านมามีการปรับ Duration ของภาพรวมเงินกู้ของบริษัทให้ยาวขึ้น เพื่อรองรับสภาวะตลาดเงินโลกที่มีความผันผวนมากขึ้น โดยในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทมีการออกหุ้นกู้ทั้งอายุ 3 ปี และอายุ 5 ปี ไปแล้วจำนวน 1,700 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ตลอดจนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดชำระ และส่วนหนึ่งใช้เพื่อในการขยายธุรกิจของบริษัท โดยหุ้นกู้ชุดใหม่ที่ออกในปี 2561 มีต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบอายุ
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเห็นชอบจัดสรรกำไรสำหรับปี2561 ให้กับผู้ถือหุ้น โดยเสนอให้จ่ายเงินปันผลทั้งปีในอัตราหุ้นละ 0.34 บาท ซึ่งหากคิดที่ราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield อยู่ที่ราว7.0% โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วที่ 0.165บาท ดังนั้นจะเหลือจ่ายเพิ่มอีก 0.175บาทต่อหุ้น โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่15 มีนาคม 2562 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XDในวันที่ 14 มีนาคม 2562) และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ทั้งนี้การจ่ายปันผลดังกล่าวต้องนำเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2562 ในเดือนเมษายนนี้