กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--ธนาคารธนชาต
ธนาคารธนชาต ตั้งเป้าขึ้นเป็นธนาคารระดับสากล เปิดแผนปี 51 ยังเน้นธุรกิจเช่าซื้อ คาดปล่อยสินเชื่อ 90,000 ล้าน พร้อมขยายธุรกิจครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
ธนาคารธนชาต ตั้งเป้าเป็นอีกหนึ่งธนาคารไทยที่จะมุ่งไกลสู่ระดับสากล หลังได้ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียเข้ามาร่วมถือหุ้น เปิดแผนธุรกิจปี 2551 ยังคงยึดมั่นในธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ คาดว่าจะปล่อยสินเชื่อเช่าซื้ออีก 90,000 ล้านบาท พร้อมทั้งรุกสู่ธุรกิจประเภทอื่นๆ ทั้งสินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อเคหะ สินเชื่อ SMEs บัตรเครดิต ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ แถมเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดอีกประมาณ 80 สาขา ทำให้ ณ สิ้นปีนี้จะมีประมาณ 250 สาขา
นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของ บริษัท ทุนธนชาต ว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทฯและบริษัทย่อยมีผลกำไร 2,818 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,350 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92% มีสินทรัพย์รวม 321,256 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.2% ในส่วนของธนาคารธนชาต ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทุนธนชาต มีกำไรในปี 2550 จำนวน 991 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 766 ล้านบาท หรือ 340% มีสินทรัพย์รวม 291,098 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.1% มีอัตราเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง 12% ซึ่งสูงกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 8.5%
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2551 ของธนาคารธนชาต ยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ธนาคารฯ มีความถนัดและเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ โดยคาดว่าจะปล่อยสินเชื่อใหม่อีกประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้รักษาความเป็นผู้นำและส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีมากกว่า 20% ไว้ได้ โดยต่อไปในอนาคตธนาคาร จะเพิ่มสัดส่วนเงินให้กู้ยืมในประเภทอื่นๆ ทั้งกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ (Corporate Finance) สินเชื่อ SMEs สินเชื่อเคหะ รวมทั้งหารายได้จากค่าธรรมเนียมในธุรกิจอื่น เช่น ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจที่สำคัญของธนาคารและเป็นอีกแหล่งรายได้ที่มีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากจะอาศัยเครือข่ายของธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย ที่มีใน 50 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ในปี 2551 ธนาคารฯ พร้อมจะเปิดให้บริการบัตรเครดิต เพื่อเป็นการสร้างรายได้ค่าธรรมเนียมให้ธนาคาร และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยจะใช้ฐานลูกค้าที่มีอยู่ประมาณ 1 ล้านรายในการทำตลาด โดยไม่ได้มุ่งเน้นที่จะเข้าไปแข่งขันกับผู้ให้บริการอื่นๆ ที่มีการแข่งขันกันอย่างสูงในขณะนี้
ทางด้านการขยายสาขา ธนาคารตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้อีกประมาณ 80 สาขา ทั่วประเทศ ทำให้ ณ สิ้นปี 2551 คาดว่าธนาคารจะมีสาขาประมาณ 250 สาขา เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในการทำธุรกิจ และรองรับ พรบ.สถาบันประกันเงินฝากในส่วนของการเพิกถอนหุ้นธนาคารธนชาต (TBANK) ออกจากการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นั้น เนื่องจากปัจจุบันธนาคารฯมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 2 ราย ที่มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง คือ บริษัท ทุนธนชาต ถือหุ้น 74.92% และธนาคารแห่งโนวาสโกเทีย ถือหุ้น 24.98% ซึ่งผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ราย มีนโยบายที่จะถือหุ้นในระยะยาว และไม่มีนโยบายที่กระจายหุ้นสู่ผู้ถือหุ้นรายย่อย ซึ่งกรณีดังกล่าวธนาคารฯ คาดว่าจะไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อผู้ฝากเงิน เพราะความเชื่อมั่นในการฝากเงินมาจากตัวธนาคาร ที่สะท้อนมาจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของธนาคารเองและผู้ถือหุ้น และที่ผ่านมาธนาคารฯยังได้รับการจัดเพิ่มอันดับเครดิตที่ดีขึ้นจากบริษัท ฟิชท์เรทติ้ง ซึ่งสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าและผู้ฝากเงินอีกด้วย
สำหรับเป้าหมายในอีก 3 ปี ข้างหน้า กลุ่มธนชาตตั้งเป้าจะมีสินทรัพย์ประมาณ 5 แสนล้านบาท สาขาประมาณ 350 สาขา ตู้ ATM 525 ตู้ และจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ ในขณะเดียวกันก็จะดำเนินนโยบายเชิงรุกในการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อด้านอื่นๆ เช่น สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อ SMEs
ในส่วนของธุรกิจเงินฝาก ธนาคารฯ ตั้งเป้าจะระดมเงินฝากได้ถึง 430,000 ล้านบาท ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมาหลังจากที่ธนาคารแห่งโนวาสโกเทียได้เข้ามาร่วมดำเนินงาน มีส่วนช่วยสนับสนุนให้การบริหารเงินภายในธนาคาร หรือ Treasury เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถบริหารผลตอบแทนได้สูงกว่าต้นทุนเงินฝาก ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ที่สามารถสร้างผลกำไรได้เป็นอย่างดี
“ต่อจากนี้ไปธนาคารธนชาต จะเป็นหนึ่งของธนาคารไทย ที่จะมุ่งก้าวไกลสู่ระดับสากล ด้วยการอาศัยเครือข่ายของธนาคารแห่งโนวาสโกเทียซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีชื่อเสียงระดับสากล และคาดว่าธนาคารจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ทุนธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารธนชาต ต่อไป”
นายศุภเดช กล่าว