กรุงเทพฯ--1 มี.ค.--บลจ.กสิกรไทย
นายนาวิน อินทรสมบัติ Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้นอินเดียและเอเชีย จากสถานการณ์ความไม่สงบระหว่างอินเดียและปากีสถานที่กลับมาตึงเครียดจากการสั่งปฏิบัติการทางอากาศของทั้ง 2 ประเทศเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 62 ภายหลังเหตุระเบิดพลีชีพในแคชเมียร์ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดีย (BSE) ปิดลบเล็กน้อยที่ -0.19% ขณะที่ค่าเงินรูปีเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงประมาณ -0.4% และวันรุ่งขึ้นตลาดหุ้นอินเดียยังคงปิดลบเล็กน้อยที่ -0.11% ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ติดลบเล็กน้อย (ที่มา : Bloomberg ณ 28 ก.พ. 62)
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า แคชเมียร์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของอินเดียไม่มากนัก เนื่องจากเป็นแคว้นที่ค่อนข้างเล็ก โดยมี GDP อยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.96% ของ GDP ประเทศอินเดีย ดังนั้นในระยะสั้น บลจ.กสิกรไทย จึงมองว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอินเดียยังมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเที่ยวบินถูกปิดแค่บางส่วนเฉพาะทางตอนเหนือของอินเดียเท่านั้น ขณะที่สัดส่วนการส่งออกของอินเดียไปยังปากีสถานในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.07% ของ GDP หรือประมาณ 0.37% ของการส่งออกทั้งหมด อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไปในระยะยาว ซึ่งหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น งบประมาณการใช้จ่ายของภาครัฐอาจถูกโยกมาสู่กระทรวงกลาโหมมากขึ้น ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานของอินเดีย
สำหรับกองทุนของบลจ.กสิกรไทยที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นอินเดียในระดับสูงถึงปานกลาง ได้แก่ กองทุน K-INDX (99%), กองทุน K-INDIA (97%) และกองทุน K-ASIA (19%) นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่มีการลงทุนในตราสารหนี้อินเดีย ได้แก่ กองทุน K-APB (10%) ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มีคำแนะนำสำหรับผู้ลงทุนใหม่ที่รับความเสี่ยงได้ไม่มาก อาจหลีกเลี่ยงการเข้าลงทุนในระยะสั้นเพื่อรอประเมินสถานการณ์ ส่วนผู้ลงทุนเดิมแนะให้ถือต่อและชะลอการเข้าลงทุนเพิ่มเติมเพื่อรอประเมินสถานการณ์ต่อไป