กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
- ยอดขายอยู่ที่ 19,900 ล้านยูโร โดยได้รับผลกระทบเชิงลบ 1,100 ล้านยูโรจากค่าเงินที่ผันผวน ยอดขายปกติเติบโต 2.4%
- กำไรจากการดำเนินงาน (EBIT)1 เพิ่มขึ้น +1.0% เป็น 3,496 ล้านยูโร
- กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) 1 ปรับเพิ่มขึ้น +30 จุด เป็น 17.6%
- กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิ (EPS) 1 เพิ่มขึ้น +2.7% เป็น 6.01 ยูโร เมื่อพิจารณาจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ที่ +7%
- มีเงินสดหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ +12.7% เป็น 1,917 ล้านยูโร
- รายงานการจ่ายเงินปันผล2 เพิ่มขึ้น +3.4% เป็น 1.85 ยูโรต่อหุ้นบุริมสิทธิ
- การดำเนินงานเชิงกลยุทธ์มีความก้าวหน้าที่ดี
- โครงการต่างๆ เพื่อสร้างการเติบโต แสดงถึงถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของผลกำไร
"ในปี 2561 เฮงเค็ลยังคงสร้างการเติบโตของผลกำไรอย่างต่อเนื่อง เราประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตปกติได้อย่างดีเยี่ยมโดยมีรายได้และผลกำไรที่ทำสถิติใหม่ นอกจากนี้เรายังเพิ่มเงินสดหมุนเวียนได้อย่างมีนัยสำคัญ ในขณะเดียวกันเราก็เผชิญกับผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงจากค่าเงินและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ปีนี้เป็นอีกครั้งที่ผลการดำเนินงานที่ดีทางธุรกิจเกิดจากแบรนด์และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จของเรา ซึ่งมีตำแหน่งผู้นำในหลายตลาดและประเภทผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจอย่างสูง การเติบโตด้านผลกำไรของเรายังมีส่วนจากการควบรวมกิจการทั้งในธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภค เราได้รักษาวินัยในการลดค่าใช้จ่ายอย่างมุ่งมั่นและปรับปรุงประสิทธิภาพของบริษัทอย่างต่อเนื่อง" ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าว
"เรามีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในการดำเนินตามความสำคัญเชิงกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ปี 2563 และหลังจากนั้น เราประสบความสำเร็จในการดำเนินโครงการหลักๆ และเสริมความสามารถในการแข่งขันของเราให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตของผลกำไร โดยเฉพาะในธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และเร่งเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลขององค์กร เราได้ประกาศในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มการลงทุนราว 300 ล้านยูโรต่อปีนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป" ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าว "เป้าหมายทางการเงินระยะกลางถึงระยะยาวของเรา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเฮงเค็ลที่จะสร้างการเติบโตของผลกำไรอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่จูงใจ"
ภาพรวมปี 2562
เนื่องจากจะมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป เฮงเค็ลจึงคาดว่ายอดขายปกติจะเติบโตระหว่าง 2-4% ในปีงบประมาณนี้ และคาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี EBIT ที่ปรับปรุงแล้วระหว่าง 16-17% ส่วนกำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้วมีการเติบโตเป็นเปอร์เซ็นต์แบบเลขตัวเดียวในระดับกลาง ซึ่งต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเมื่อพิจารณาจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
ผลการดำเนินงานด้านยอดขายและรายได้ในปี 2561
ยอดขายในปีงบประมาณ 2561 ลดลงเล็กน้อยที่ 0.6% ไปอยู่ที่ 19,899 ล้านยูโร ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมีผลเชิงลบโดยรวมต่อยอดขายราว 1,100 ล้านยูโร หรือทำให้ยอดขายลดลง -5.4% ยอดขายเติบโตขึ้น 4.8% เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว การเข้าซื้อกิจการและการตัดทอนการลงทุนมีผลต่อการเติบโตของยอดขายที่ 2.4% ส่วนยอดขายปกติก่อนหักผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและการเข้าซื้อกิจการหรือการตัดทอนการลงทุนนั้น มีการเพิ่มขึ้นอย่างดีที่ 2.4%
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีการเติบโตของยอดขายปกติที่แข็งแกร่งที่ 4.0% ส่วนกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์มีการเติบโตของยอดขายปกติเป็นบวกที่ 0.7% ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีรายงานตัวเลขยอดขายปกติที่เติบโตดีขึ้น 1.9%
ตลาดเกิดใหม่ยังคงสร้างการเติบโตของยอดขายปกติได้อย่างแข็งแกร่งที่ 6.3% ส่วนตลาดอิ่มตัวในประเทศพัฒนาแล้วมียอดขายปกติติดลบเล็กน้อย -0.4%
ยอดขายปกติมีการเติบโตขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วโลก ยกเว้นอเมริกาเหนือ ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก มีสัญญาณการปรับตัวของยอดขายปกติในเชิงบวกที่ 0.3% ส่วนในยุโรปตะวันออก มียอดขายปกติเติบโต 7.6% แอฟริกาและตะวันออกกลางยอดขายปกติเติบโต 11.3% อเมริกาเหนือมียอดขายปกติน้อยกว่าปีที่ผ่านมา 1.0% ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาด้านการจัดส่งของธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคของเฮงเค็ลในอเมริกาเหนือในช่วงต้นปี 2561 โดยในภูมิภาคนี้ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับช่างผมมืออาชีพเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ละตินอเมริกายอดขายปกติเติบโต 9.3% และเอเชียแปซิฟิกมียอดขายปกติเพิ่มขึ้น 0.9%
กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) เพิ่มขึ้น 1.0% เป็น 3,469 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ของเฮงเค็ล
ผลตอบแทนจากยอดขายที่ปรับปรุงแล้ว (EBIT) เติบโตขึ้น 0.3 จุดเป็น 17.6% ซึ่งนับเป็นสถิติใหม่ของบริษัทด้วยเช่นกัน
งบการเงิน ติดลบที่ -65 ล้านยูโร เมื่อเทียบกับ -67 ล้านยูโรในปีงบประมาณ 2560
กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้ว ของทั้งปีหลังหักส่วนได้เสียที่ไม่สามารถควบคุมได้ เพิ่มขึ้น 2.8% เป็น 2,604 ล้านยูโร (ปี 2560 อยู่ที่ 2,534 ล้านยูโร)
กำไรต่อหุ้นบุริมสิทธิที่ปรับปรุงแล้ว (EPS) เติบโต 2.7% จาก 5.85 ยูโรไปอยู่ที่ 6.01 ยูโร ส่วน EPS มีการเติบโต 7% เมื่อพิจารณาจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
คณะกรรมการบริหาร คณะกรรมการกำกับดูแล และคณะกรรมการผู้ถือหุ้น จะนำเสนอในการประชุมสามัญประจำปี ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 8 เมษายน 2562 ให้เพิ่มเงินปันผลต่อหุ้นบุริมสิทธิขึ้น 3.4% เป็น 1.85 ยูโร (ปีที่ผ่านมาจ่ายปันผลหุ้นละ 1.79 ยูโร) ส่วนเงินปันผลต่อหุ้นสามัญนำเสนออยู่ที่ 1.83 ยูโร เพิ่มขึ้น 3.4% จาก 1.77 ยูโรในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นการจ่ายเงินปันผลที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทและเท่ากับให้อัตราผลตอบแทนถึง 30.9%
เงินทุนหมุนเวียนสุทธิ เมื่อเทียบสัดส่วนกับยอดขาย เพิ่มขึ้น 5.1 จุดจากปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นการพัฒนาที่ดีตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ 4.8%
ฐานะทางการเงินสุทธิ เมื่อสิ้นปีอยู่ที่ -2,895 ล้านยูโร (วันที่ 31 ธันวาคม 2560 อยู่ที่ -3,222 ล้านยูโร) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา มีสาเหตุหลักมาจากเงินสดหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีกาวทำยอดขายปกติเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง 4.0% ในปี 2561 หากดูภาพรวม ตัวเลขยอดขายมีการเพิ่มขึ้น 0.2% หรือเท่ากับ 9,403 ล้านยูโร ส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเติบโตขึ้น 1.6% ไปอยู่ที่ 1,761 ล้านยูโร และรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 0.2 จุด ไปอยู่ที่ 18.7%
ด้านกลุ่มธุรกิจบิวตี้แคร์ มียอดขายปกติติดลบเล็กน้อยที่ -0.7% ในปี 2560 สำหรับยอดขายโดยรวมเติบโตขึ้น 2.1% เป็น 3,950 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้น 1.6% เป็น 675 ล้านยูโร ส่วนรายได้จากการขายที่ปรับปรุงแล้วน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเล็กน้อย โดยอยู่ที่ 17.1%
สำหรับกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน มีการเติบโตของยอดขายปกติที่ดีโดยเพิ่มขึ้น 1.9% ในปี 2560 ส่วนยอดขายโดยรวมอยู่ที่ 6,419 ล้านยูโร ในขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 6,651 ล้านยูโร กำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วลดลงเล็กน้อยที่ 0.7% เป็น 1,162 ล้านยูโร ส่วนผลตอบแทนจากการขายที่ปรับปรุงแล้วเติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น 0.5 จุด ไปอยู่ที่ 18.1%
มีความก้าวหน้าในการดำเนินงานเชิงกลยุทธ์เป็นอย่างดีในปี 2561
"เราดำเนินตามกลยุทธ์ระยะยาวของเฮงเค็ลที่ชัดเจน เราต้องการสร้างการเติบโตด้านผลกำไรอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ Henkel 2020+ เราได้วางกลยุทธ์ที่สำคัญไว้สำหรับปี 2563 และหลังจากนั้น ได้แก่ ผลักดันการเติบโต เร่งการเข้าสู่ดิจิทัล เพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงาน และสร้างการเติบโตของเงินทุน ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเรามีความก้าวหน้าในการดำเนินงานเป็นอย่างดี และประสบความสำเร็จในการดำเนินตามโครงการเชิงกลยุทธ์สำคัญที่วางไว้" ฮานส์ แวน ไบเล่น ซีอีโอ ของเฮงเค็ล กล่าว
ในปี 2561 เฮงเค็ลเดินหน้าโครงการและความคิดริเริ่มต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันการเติบโตในตลาดทั่วโลก การพูดคุยแลกเปลี่ยนในเชิงลึกและความร่วมมือย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภคของเฮงเค็ลประสบความสำเร็จ
หนึ่งในสิ่งที่บริษัทมุ่งเน้นคือการลดรอบการคิดค้นนวัตกรรมให้เร็วขึ้น และลดเวลาที่ใช้ในการนำเสนอนวัตกรรมออกสู่ตลาดลง เพื่อตอบสนองเทรนด์ใหม่ของตลาดและความต้องการของลูกค้าให้เร็วขึ้น เฮงเค็ลมีความก้าวหน้าอย่างดีในการปรับปรุงกระบวนการด้านนวัตกรรม ทำให้เรามีสัดส่วนนวัตกรรมที่สูงและสร้างยอดขายในปีแรกได้มากขึ้นจากนวัตกรรมทั้งหลาย หรือนวัตกรรม 10 อันดับแรก
เฮงเค็ลยังมีความก้าวหน้าในการควบรวมกับกิจการที่เข้าซื้อ และมีการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมอีกหลายครั้ง ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันและเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอในธุรกิจสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภค
เพื่อค้นหาโอกาสสร้างการเติบโตใหม่ๆ ฝ่าย Corporate Venture Capital ของเฮงเค็ลยังเดินหน้าลงทุนในโมเดลใหม่ๆ ด้านเทคโนโลยี วัสดุ แอปพลิเคชั่น ธุรกิจ และบริการ โดยลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพโดยตรง รวมทั้งร่วมลงทุน เฮงเค็ลมีแผนที่จะลงทุน 150 ล้านยูโรระหว่างปี 2560 ถึง 2563 ในกิจกรรมร่วมลงทุน ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปี 2561 เฮงเค็ลได้ใช้เงินหรืออนุมัติเงินทุนไปแล้วเกือบครึ่งหนึ่งของเป้าหมายที่วางไว้
เฮงเค็ลมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดีในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กร ในปี 2562 ยอดขายจากช่องทางดิจิทัลในระดับกลุ่มธุรกิจเพิ่มขึ้นแบบออร์แกนิคในระดับเลขสองหลัก ซึ่งมาจากกลุ่มธุรกิจกิจสินค้าอุปโภคบริโภคมากกว่า 30% เฮงเค็ลยังลงทุนเพิ่มในด้านเครื่องจักรการผลิตเพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสของอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งช่วยให้บริษัทควบคุมการผลิตของโรงงานและกระบวนการได้อย่างสูงสุด และทำให้ได้คุณภาพการผลิตที่เพิ่มขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความยั่งยืนมากขึ้น
เฮงเค็ลได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาด้านดิจิทัลซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในวงการเพื่อให้คำแนะนำแก่กรรมการบริหารบริษัทในเรื่องกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
เฮงเค็ลเปิดตัว Henkel X ที่เป็นแพลทฟอร์มสำหรับภายในและภายนอกองค์กร เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของบริษัท ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาแก่พนักงานที่ทำงานโครงการดิจิทัลและความคิดริเริ่มต่างๆ เฮงเค็ลยังได้จัดตั้งเครือข่ายผู้ให้คำแนะนำจากบุคคลภายนอก 150 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้ก่อตั้ง ผู้เชี่ยวชาญดิจิทัล และผู้นำทางความคิด อีกทั้งยังเสริมกิจกรรมทั้งภายในและภายนอกองค์กรเพื่อเพิ่มความสามารถด้านดิจิทัลที่ก้าวล้ำ และยกระดับทักษะด้านดิจิทัลของทั้งองค์กร
การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลยังเชื่อมโยงกับอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่เฮงเค็ลให้ความสำคัญคือการเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานของทั้งองค์กร ในปี 2561 เฮงเค็ลเดินหน้าสนับสนุนจิตวิญญาณของผู้ประกอบการให้กับพนักงานและทีมงาน โดยกระตุ้นให้เปิดรับการเปลี่ยนแปลง เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน และสนับสนุนการสื่อสารที่โปร่งใสมากขึ้น รวมทั้งมีเป้าหมายที่จะเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้มีอำนาจในการตัดสินใจอีกด้วย
ในส่วนของกลยุทธ์การสร้างการเติบโตของเงินทุน เฮงเค็ลสานต่อความมุ่งมั่นในด้านวินัยที่จะลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยดำเนินความคิดริเริ่มใน 4 ด้าน ซึ่งในปี 2561 เฮงเค็ลประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการ ONE!ViEW และโครงการบริหารจัดการรายได้สุทธิของทั้งบริษัท ในขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับโครงสร้างซัพพลายเชนในทุกกลุ่มธุรกิจของเฮงเค็ลทั่วโลก หรือ ONE!GSC ไปพร้อมๆ กับการพัฒนากิจกรรมบริการร่วมให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงประสิทธิภาพขององค์กร โดยคาดว่าเมื่อความคิดริเริ่มทั้งหมดได้ทำงานร่วมกันแล้ว ประสิทธิภาพการดำเนินงานต่อปีที่เพิ่มขึ้น จะช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้มากกว่า 500 ล้านยูโร ภายในปี 2563 ซึ่งเมื่อถึงสิ้นปี 2561 เฮงเค็ลได้รับรู้ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแล้วมากกว่า 50% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้
มุ่งมั่นสร้างการเติบโตของผลกำไรอย่างยั่งยืนในระยะยาว
"ปี 2561 นับเป็นปีที่ดีของเฮงเค็ล แม้ว่าจะต้องเจอความยากลำบากจากค่าเงินที่ผันผวนและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่เราก็ประสบความสำเร็จในการสร้างการเติบโตของยอดขาย และมีรายได้ ผลกำไร และเงินสดหมุนเวียนที่แข็งแกร่ง เรามีความก้าวหน้าอย่างดีเยี่ยมในการดำเนินตามความสำคัญเชิงกลยุทธ์และยังเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเชื่อมั่นว่าเฮงเค็ลพร้อมแล้วสำหรับอนาคต เรามีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างสูง ซึ่งด้วยเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นในด้านแบรนด์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการมุ่งสู่ดิจิทัล เป็นการตอกย้ำว่าเรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเติบโตของผลกำไรอย่างยั่งยืน" ฮานส์ แวน ไบเล่น กล่าวสรุป
เกี่ยวกับเฮงเค็ล
เฮงเค็ลดำเนินธุรกิจทั่วโลกด้วยพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันสมดุลและหลากหลาย บริษัทเป็นผู้นำในสามกลุ่มธุรกิจ ทั้งในธุรกิจเพื่ออุตสาหกรรมและธุรกิจเพื่อผู้บริโภค อันเป็นผลมาจากแบรนด์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีอันแข็งแกร่ง ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล (Adhesive Technologies) เป็นผู้นำในตลาดกาวในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ (Laundry & Home Care and Beauty Care businesses) เฮงเค็ลเป็นผู้นำในหลากหลายตลาดและประเภทผลิตภัณฑ์ทั่วโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2419 เฮงเค็ลมีประวัติความสำเร็จอันยาวนานกว่า 140 ปี เฮงเค็ลมีพนักงานราว 53,000 คนทั่วโลก ซึ่งทำงานเป็นทีมที่มีความมุ่งมั่นและหลากหลาย รวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยวัฒนธรรมขององค์กรอันแข็งแกร่ง มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างคุณค่าอันยั่งยืน และมีคุณค่าร่วมกัน ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนอันเป็นที่ยอมรับ เฮงเค็ลได้รับการยกย่องจากดัชนีและการจัดอันดับต่างๆ หุ้นบุริมสิทธิของเฮงเค็ลจดทะเบียนอยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนี ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม www.henkel.com