กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)
จากข้อมูลดัชนีการรับรู้การทุจริต หรือ Corruption Perceptions Index (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่สะท้อนภาพลักษณ์การทุจริตคอร์รัปชั่นของประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่จัดอันดับโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) ในปี 2561 มีการประเมินและจัดอันดับทั้งหมด 180 ประเทศ จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ประเทศไทยมีผลคะแนน CPI 36 คะแนน อยู่ในอันดับ 99 จากการจัดอันดับทั้งหมด ซึ่งคะแนนลดลงจากปี 2560 (ปี 2560 ไทยได้ 37 คะแนน อยู่ในอันดับ 96) โดยอันดับ 1 ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก 88 คะแนน อันดับ 2 ได้แก่ ประเทศนิวซีแลนด์ 87 คะแนน และอันดับ 3 มีทั้งหมด 4 ประเทศ ได้แก่ ฟินแลนด์ สิงคโปร์ สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ 85 คะแนน ทั้งนี้ในกลุ่มประเทศอาเซียน ไทยจัดอยู่ในอันดับ 5 รองจาก ประเทศสิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย อินโดนีเซีย ที่ได้อันดับ 1-4 ตามลำดับ โดยค่าคะแนน CPI ยิ่งสูงแปลว่ามีการคอร์รัปชั่นต่ำ ปัจจุบันคะแนน CPI ยังเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่กลุ่มนักลงทุนใช้ประเมินความน่าสนใจในการลงทุนของแต่ละประเทศ เนื่องจากการทุจริตนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สะท้อนความเสี่ยงในการเข้ามาลงทุนหรือประกอบธุรกิจต่างๆ ตลอดจนส่งผลถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากต่างประเทศอีกด้วย
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) (สรพ.) นำโดยผู้บริหารและบุคลากรทั้ง 3 หน่วยงาน ร่วมประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในองค์กร ภายใต้โครงการป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบและส่งเสริมคุณธรรม ประจำปี 2562 ตลอดจนร่วมแสดงพลังสร้างจิตสำนึกความซื่อสัตย์สุจริตของชาวอาคารสุขภาพแห่งชาติ เมื่อเร็วๆ นี้ ณ ห้องประชุมสานใจ 1 ชั้น 6 อาคารสุขภาพแห่งชาติ
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ผู้บริหารและบุคลากรของ สช.
ทุกคนร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความซื่อสัตย์และถือปฏิบัติมาอย่างเคร่งครัด ทั้งภายในองค์กรและการทำงานกับภาคีเครือข่าย โดยมีพัฒนาการของวัฒนธรรมต้านทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะเริ่มต้นจากนโยบาย Top Down ที่พัฒนามาสู่แนวทางการปฏิบัติอย่างมีส่วนร่วมในระยะที่สอง จวบจนมาเป็นธรรมนูญคนสุชนในปัจจุบัน ซึ่งยังคงยึดมั่นในหลักคุณธรรม จริยธรรมตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รับผิดชอบต่อสังคม และร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมกับเสริมสร้างสังคมให้เข้มแข็ง ซึ่งถือเป็นแนวทางการทำงานและการอยู่ร่วมกันในองค์กร โดยมุ่งหวังสู่การเป็นองค์กรธรรมาภิบาล องค์กรแห่งความสุข องค์กรแห่งการเรียนรู้ พร้อมสร้างคุณประโยชน์ต่อสังคม
นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการ สรพ. กล่าวว่า สรพ. มุ่งเน้นการเรียนรู้และพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่กับการยึดแนวปฏิบัติองค์กรธรรมาภิบาลตามหลักการบริหารบ้านเมืองที่ดี และมีการดำเนินงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยบุคลากรต้องพร้อมด้วยความรู้ ความเข้าใจ จิตสำนึก และค่านิยมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาล และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพของประเทศให้เป็นที่น่าไว้วางใจของสังคมได้อย่างแท้จริง
ด้าน นพ.นพพร ชื่นกลิ่น ผู้อำนวยการ สวรส. กล่าวว่า การสร้างจิตสำนึกที่ดีควรเริ่มต้นจากความรักและความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งความภาคภูมิใจในตนเองส่วนหนึ่งมาจากการมีคุณธรรมจริยธรรม ควบคู่กับการสร้างเจตคติที่ดี โดยต้องเริ่มสร้างตั้งแต่การไม่ทุจริตทั้งทางตรงและทางอ้อม และการไม่ทนต่อการทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ที่ผ่านมาประเทศไทยถูกทำให้การทุจริตเป็นวัฒนธรรมที่ยอมรับได้ เช่น การกินตามน้ำ การเสียค่าวิชาหรือค่าเสียเวลา ฯลฯ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมที่ต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนไปสู่ทิศทางใหม่ ที่นอกจากจะไม่ทนต่อการทุจริตแล้ว ควรต้องหาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตและประพฤติมิชอบในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย โดยเริ่มจากความมุ่งมั่นในตัวเราเองแล้วขยายต่อไปในองค์กร เพื่อการดำเนินงานที่มีความโปร่งใส ชัดเจน ตรวจสอบได้ ตลอดจนมีความรับผิดชอบในการดำเนินงานเรื่องนั้นๆ ให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จากความตั้งใจในระดับปัจเจกบุคคล ประกอบกับความมุ่งมั่นของผู้บริหารองค์กรในการกำหนดนโยบายที่ชัดเจน รวมถึงการออกแบบระบบที่เข้มแข็งที่จะป้องกันการทุจริต ตลอดจนสนับสนุนให้เกิดวัฒนธรรมสร้างสรรค์ดีงาม นำองค์กรสู่องค์กรธรรมาภิบาล โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ พร้อมสร้างประโยชน์สู่สังคมได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ นพ.นพพร ได้กล่าวนำในการประกาศเจตนารมณ์ความว่า ในฐานะผู้บริหารของ สวรส.ขอประกาศและแสดงเจตนารมณ์ว่า จะบริหารและปฏิบัติงานตามภารกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม มีความโปร่งใส และยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง รวมทั้งการกำกับดูแลและส่งเสริมให้ สวรส.ปราศจากการทุจริต คอร์รัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อน ภายใต้การดำเนินงานตามค่านิยมการทำงานของ สวรส. ซึ่งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานทุกคนยึดมั่นและปฏิบัติหน้าที่ตามหลักการดังกล่าวมาโดยตลอด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนประเทศชาติไปสู่การพัฒนาที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ทั้งนี้ในงานยังมีการให้ความรู้ในหัวข้อ การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน และแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ตามกรอบการประเมินใหม่ ประจำปีงบประมาณ 2562 โดยวิทยากรจากศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านทุจริต กระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางการทำงานและกระตุ้นให้เกิดความตระหนักในการร่วมกันสร้างองค์กรธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป