กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--สภาธุรกิจตลาดทุนไทย
"ดัชนีฯ เดือนมีนาคม 2562 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองติดต่อกันมาอยู่ที่โซนร้อนแรงเป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือน จากสถานการณ์ทางเลือกตั้ง และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนติดตามความคืบหน้าการเจรจานโยบายการค้าระหว่างประเทศและผลการเลือกตั้งเป็นสำคัญ"
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนมีนาคม 2562 ว่า "ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน มาอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง (Bullish) เป็นเดือนแรกในรอบ 5 เดือน โดยผลสำรวจพบว่านักลงทุนเชื่อมั่นสถานการณ์การเมืองจากการเลือกตั้งที่ชัดเจนเป็นปัจจัยหลัก รองลงมานักลงทุนเชื่อมั่นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ขณะที่ยังคงติดตามผลการเจรจานโยบายการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และเสถียรภาพรัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้งเป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน"
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนมีนาคม 2562 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
- ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (พฤษภาคม 2562) อยู่ในเกณฑ์ "ร้อนแรง" (Bullish) (ช่วงค่าดัชนี 120 - 159) จาก "ทรงตัว" โดยเพิ่มขึ้น 11.92% มาอยู่ที่ระดับ 130.68
- ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ Zone ร้อนแรง (Bullish) เช่นเดิม
- ดัชนีนักลงทุนกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ใน Zone ร้อนแรง (Bullish) เช่นเดิม
- ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนรายบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ Zone ร้อนแรง (Bullish)
- ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศ อยู่ใน Zone ทรงตัว (Neutral) เช่นเดิม
- หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดธนาคาร (BANK)
- หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)
- ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ทางการเมือง
- ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
"ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีการเคลื่อนไหวระหว่างเดือนปรับตัวผันผวนในบางช่วงตามปัจจัยทางการเมืองและข่าวการเลือกตั้ง จากผลสำรวจทิศทางการลงทุน ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ชี้ว่านักลงทุนคาดหวังในเชิงบวกจากการเข้าสู่การเลือกตั้ง และความเชื่อมั่นผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยยังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอาจชะลอตัวจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่นักลงทุนบางส่วนกังวลทิศทางการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แม้ว่ามีทิศทางผลการเจรจาในเชิงบวก และเสถียรภาพของรัฐบาลในประเทศหลังการเลือกตั้ง เป็นปัจจัยความเสี่ยงที่นักลงทุนติดตามมากที่สุด สำหรับปัจจัยทางเศรษฐกิจโลกที่ต้องติดตามได้แก่ การพิจารณายุติการปรับลดขนาดงบดุลและทิศทางการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไปของคณะกรรมการนโยบายทางการเงินของสหรัฐ ผลการประชุม ECB ที่มีแนวโน้มคงนโยบายการเงินและอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไป การพิจารณาข้อตกลง BREXIT กับ EU ซึ่งมีกำหนดเส้นตายในวันที่ 29 มีนาคม การปรับลดคาดการณ์ GDP ของกลุ่ม EU จาก 1.9% มาเป็น 1.3% ผลการประชุมนโยบายเศรษฐกิจของจีนในเดือนมีนาคม กลุ่มหลักทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดคือ หมวดธนาคาร (BANK) ขณะที่หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP) ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด"
ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมีนาคม 2562
"ผลจากดัชนีคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 1.75% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี และอายุ 10 ปีมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอีก 10 สัปดาห์ข้างหน้านับจากวันที่ทำการสำรวจ (12 ก.พ. 62) ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.14% และ 2.48% ตามลำดับ ด้วยความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นจากการสำรวจครั้งที่แล้วโดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลรุ่นอายุ 5 ปี ซึ่งมีเหตุปัจจัยมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในระดับทรงตัว แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระดับต่ำ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก"
นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Expectation Index) เดือนมีนาคม 2562 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม กนง. รอบเดือนมีนาคมนี้ อยู่ที่ระดับ 54 สะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดที่ใกล้เคียงกับครั้งที่แล้ว ที่คาดว่าการประชุม กนง. ในเดือนมีนาคมนี้จะคงระดับดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อไป โดยให้น้ำหนักในปัจจัยหลัก ได้แก่ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ยในตลาดโลก เป็นหลัก
- ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี ในรอบการประชุม กนง. พฤษภาคม 2562 (ประมาณ 10 สัปดาห์ข้างหน้า) อยู่ที่ระดับ 83 เพิ่มขึ้นอย่างมากจากครั้งที่แล้ว และขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ "มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น (Increase)" จากระดับ 2.14% ณ วันที่ทำการสำรวจ (12 ก.พ. 62) เช่นเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี ที่ดัชนีคาดการณ์เพิ่มขึ้นจากครั้งที่ผ่าน มาอยู่ที่ระดับ 77 และอยู่ในเกณฑ์ "มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น (Increase)" จากระดับ 2.48% ณ วันที่ทำการสำรวจ (12 ก.พ. 62) โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจาก Fund flow จากต่างชาติ และ อุปสงค์และอุปทานในตลาดตราสารหนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)
โทร 02 009 9371-2 หรือ อีเมล์: fetco@set.or.th