กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--ริชี่เพลซ 2002
RICHY ปลื้มกระแสตอบรับโครงการ The Rich Nana หลังออกบูธระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-3 มี.ค. ที่ผ่านมา กระแสตอบรับดีเยี่ยม ด้านผู้บริหาร "ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์" ยันไม่ได้รับผลกระทบแบงก์ชาติคุมเข้มสินเชื่ออสังหาฯ เนื่องจากจับกลุ่มลูกค้าตลาดบน-ชาวต่างชาติ ชูจุดเด่นตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวกสบาย ใกล้สถานีรถไฟฟ้านานา-รถไฟฟ้าใต้ดินสุขุมวิท
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) (RICHY) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์-3 มีนาคม 2562 ทีผ่านมา ได้ออกบูธโครงการ The Rich Nana คอนโดมิเนียม 32 ชั้น มูลค่ากว่า 3.7 พันล้านบาท เป็นอาคารที่พักอาศัย ร่วมกับพื้นที่ใช้สอย (พื้นที่อยู่อาศัยและร้านค้า) โดยร้านค้ามี 3 ชั้น (ชั้น B1,G และชั้น 2) จำนวนทั้งหมด 427 ยูนิต หรูหราเหนือระดับบนทำเลที่มีศักยภาพ สะดวกสบายที่สุด ใกล้รถไฟฟ้าสถานีนานา และรถไฟฟ้าใต้ดินสุขุมวิท ใกล้โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม โดยจัดขึ้นที่บริเวณห้างสรรพสินค้า Emporium M Floor ปรากฏว่าได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนชาวไทย และชาวต่างชาติ มีผู้จองซื้อภายในงานกว่า XXX ห้อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ XXX ล้านบาท
ทั้งนี้ ลักษณะของห้องชุดมีทั้งขนาด 1 ห้องนอน,1 ห้องนอน พลัส และ 2 ห้องนอน ขนาด 34.00-87.60 ตารางเมตร
จุดเด่นโครงการ สำหรับ 1 ห้องนอน พลัส สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้จริงตามผู้อยู่อาศัย สามารถเปลี่ยนห้อง พลัส เป็นห้องทำงาน, walk in closet หรือห้องนอนเล็กได้ตามต้องการ ส่วน 2 เตียงนอน สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งานได้จริงตามผู้อยู่อาศัย สามารถเปลี่ยนเป็นห้องนอนเล็ก ห้องทำงาน, ห้องฟังเพลง หรือห้องนอนเล็กได้ตามต้องการ
สิ่งอำนวยความสะดวก : พื้นที่ห้องโถงสำหรับรับแขก สวนที่ชั้น 1 และ ชั้นดาดฟ้า ระบบจอดรถแบบอัตโนมัติ ห้องออกกำลังกาย และห้องโยคะ ที่ชั้น 5 ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 4 สระว่ายน้ำ อ่างจากูชชี่ ชั้น 4 ซาวน่า ชั้น 4 ห้องสำหรับเด็ก ชั้น 4 สวนบนชั้นขนาดใหญ่ ชั้นดาดฟ้า
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) (RICHY) กล่าวอีกว่า กระแสตอบรับในงานนี้ถือว่าดีมาก โดยกลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯเป็นลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวและรักษาพยาบาลในประเทศไทย ชาวจีน และชาวตะวันออกกลาง รวมถึงกลุ่มลูกค้าคนไทยในระดับบนที่มีรายได้ ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการคุมเข้มสินเชื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งจะมีผลในเดือนเมษายนนี้ และแนวโน้มดอกเบี้ยที่คาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาส่งสัญญาณชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ลูกค้าที่คิดจะกู้ซื้อบ้านตัดสินใจได้ง่ายขึ้น