กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--สยาม พี อาร์
นู สกิน ก้าวสู่ทศวรรษที่สอง ชูคอนเซ็ปต์ “ความแตกต่างที่พิสูจน์ได้จริง” ย้ำ 4 จุดยืนแห่งความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วย บุคลากร ผลิตภัณฑ์ โอกาสทางธุรกิจและกิจกรรมเพื่อสังคม เผยเทรนด์สินค้าขายตรงทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อการชะลอวัย ยังคงเกาะกระแสโตต่อเนื่องด้วยเทรนด์แอนตี้ เอจจิ้ง คาดการวางกลยุทธ์ตลาดและผลิตภัณฑ์ที่มาถูกทาง ส่งผลให้ยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
นางภคพรรณ ลีวุฒินันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นู สกิน เอ็นเตอร์ไพร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “แนวโน้มภาพรวมธุรกิจขายตรงในปีนี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 8-10% โดยแนวโน้มสินค้าขายตรงในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อการชะลอวัย ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนในด้านพฤติกรรมผู้บริโภคจากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงความต้องการอย่างหลากหลายและแตกต่างอยู่ตลอดเวลา การอัพเดทฐานข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้การสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ จะเป็นสิ่งเร้าให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจในตัวองค์กรและผลิตภัณฑ์ ซึ่งจากการสำรวจยังพบอีกว่าปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการในด้านการรับรู้ข้อมูลผลิตภัณฑ์ในเชิงลึกขึ้น ดังนั้นช่องทางการสื่อสารที่จะผ่านไปถึงผู้บริโภคจำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ โดยใช้เครื่องมือการตลาดที่เข้าถึงและให้ข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง”
ในปีนี้บริษัท นู สกินฯ ได้วางกลยุทธ์การตลาดภายใต้แคมเปญ “ความแตกต่างที่พิสูจน์ได้จริง (The Difference, Demonstrated)” เป็นการสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งขัน ใน 4 ปัจจัยพื้นฐานหลักๆ ได้แก่ 1) ทีมบุคลากรคุณภาพ (People) ประกอบด้วยทีมนักวิทยาศาสตร์ ผู้บริหาร พนักงาน และทีมผู้แทนจำหน่ายมืออาชีพ 2) ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลการศึกษาทางคลินิกสนับสนุน (Product) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตลอดจนนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ อาทิ เครื่องไบโอโฟโตนิค สแกนเนอร์ เครื่องตรวจสภาพผิวหน้าโปรเดิร์ม 3) โอกาสในการดำเนินธุรกิจ (Opportunity) ที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า นู สกิน เป็นธุรกิจเครือข่ายไร้พรมแดน มีอิสระในเรื่องของเวลา สร้างงานสร้างรายได้และได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า 4) กิจกรรมเพื่อสังคม (Culture) ที่มีเจตนารมณ์ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ได้แก่ โครงการ Nourish The Children การบริจาคข้าวไวตามีล (ข้าวผสมวิตามิน) แก่เด็กขาดสารอาหารในถิ่นธุรกันดาร และโครงการพลังแห่งความดี (Force for Good) ที่ให้การสนับสนุนมูลนิธิเพื่อการผ่าตัดหัวใจเด็ก โรงพยาบาลราชวิถี และสนับสนุนด้านการศึกษาโรงเรียนที่ได้รับภัยพิบัติจากคลื่นยักษ์สึนามิ ได้แก่ โรงเรียนบ้านหินช้าง และ โรงเรียนบ้านเกาะเหลา จ. ระนอง
นางภคพรรณกล่าวเพิ่มเติมถึงผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาทำตลาดในปีนี้ว่า บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากตลาดสุขภาพในภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะในประเทศไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 18,000 ล้านบาท โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มควบคุมน้ำหนักจะเป็นที่นิยมในกลุ่มลูกค้าเป็นลำดับแรก ซึ่งบริษัท นู สกินฯ มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่มทีอาร์เอ (TRA Series) เป็นธงหลักและยังสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ด้วยการออกโปรแกรมโภชนาบำบัดควบคู่มาให้กับผู้บริโภคด้วย ขณะเดียวกันกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม (Personal Care) ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายคือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มลดเลือนริ้วรอย (Anti-Aging) โดยมองว่าปีนี้ตลาดผลิตภัณฑ์ริ้วรอยจะเติบโตสูงถึง 10% เป็นเพราะผู้บริโภคต้องการสินค้าที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิวมากขึ้นกว่าเดิม ทาง นู สกินฯ จึงได้เตรียมออกผลิตภัณฑ์ชุด 180 องศา (180 ?) วิวัฒนาการใหม่มารองรับความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ นอกจากนี้บริษัทจะการนำนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า “โปรเดิร์ม (Proderm)” มาช่วยในการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวหน้าในเชิงลึกด้วย ซึ่งการวางกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างและสามารถพิสูจน์ให้เห็นผลจริงนี้ น่าจะช่วยให้ยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%
“ด้านกิจกรรมการตลาดบริษัทได้เตรียมงบสนับสนุนไม่ต่ำกว่า 10% สำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ งานแสดงสินค้าและสาธิตผลิตภัณฑ์ โปรแกรมการให้ความรู้แก่ผู้แทนจำหน่าย นู สกิน ยูนิเวอร์ซิตี้ โครงการเพื่อสังคม ตลอดจนการจัดโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับผู้แทนจำหน่าย เป็นต้น สำหรับผลประกอบการในปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2550) บริษัทมีผลประกอบการรวมประมาณ 1,200 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 10% เมื่อเทียบกับผลประกอบการปีก่อนหน้านี้ ซึ่งผลสำเร็จนี้มาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดตลอดปี เช่น การเปิดศูนย์บริการความงามครบวงจร การจัดงาน นู สกิน เอ็กซ์โป เดินสายตรวจสุขภาพและความงามทั่วประเทศ บริการให้ความรู้ด้านการปรนนิบัติผิวโดยผู้เชี่ยวชาญถึงที่บ้าน โปรแกรมการดูแลรูปร่างอย่างได้ผล (TRA Program) รวมถึงความแข็งแกร่งของผู้แทนจำหน่ายจากการจัดฝึกอบรมต่างๆ ของบริษัทฯ และการขยายฐานสมาชิกที่เพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมามีผู้แทนจำหน่ายขึ้นสู่ระดับบริหารกว่า 10% และมีผู้แทนจำหน่ายใหม่เพิ่มขึ้น 30% บริษัทได้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ทำธุรกิจเพิ่มขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ จัดเป็น 1 ใน 5 บริษัทที่จ่ายเงินปันผลสูงสุดในโลก”
ปัจจุบัน นู สกิน จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพอร์ซันแนล แคร์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร มากกว่า 150 รายการ แบ่งสัดส่วนจากยอดขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 65% และกลุ่มเพอร์ซันแนลแคร์ 35% สำหรับจำนวนผู้แทนจำหน่ายในขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 230,000 บัญชีรายชื่อ จำแนกเป็นผู้บริหารระดับทีมอิลิท 12 บัญชีรายชื่อ ผู้บริหารระดับบลูไดมอนด์ 31 บัญชีรายชื่อ ทำเนียบผู้บริหาร 200 ล้านบาท จำนวน 1 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 100 ล้านบาท จำนวน 2 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 40 ล้านบาท จำนวน 2 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 20 ล้านบาท จำนวน 7 บัญชี ทำเนียบผู้บริหาร 10 ล้านบาท จำนวน 11 บัญชี และทำเนียบผู้บริหาร 1 ล้านบาท จำนวน 199 บัญชีรายชื่อ นางภคพรรณกล่าวในที่สุด