กรุงเทพฯ--5 มี.ค.--สวทช.
ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี : สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ จัดกิจกรรม "โครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ตอน ค่ายเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านปรากฏการณ์ PM 2.5" เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนระดับชั้นประถมปลายและมัธยมต้นกว่า 40 คน ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอม เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ คุณหมอ นักเทคโนโลยี สร้างสรรค์กิจกรรมให้เด็กๆ ได้สนุกเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และพัฒนาเทคโนโลยีในการป้องกัน เฝ้าระวัง เหตุการณ์ปรากฏการณ์ PM 2.5
นางฤทัย จงสฤษดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายวิชาการและกิจกรรมพัฒนาเยาวชนวิทยาศาสตร์ สวทช. เปิดเผยว่า สวทช. จัดงานโครงการมหาวิทยาลัยเด็ก ประเทศไทย ตอน ค่ายเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านปรากฏการณ์ PM 2.5 เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนจำนวนกว่า 40 คน ในระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายถึงมัธยมศึกษาตอนต้น ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมเรียนรู้ปรากฏการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมีนักวิทยาศาสตร์ คุณหมอ นักเทคโนโลยี สร้างสรรค์กิจกรรมให้เด็กๆ ได้สนุกสนาน ลงมือทดลองทำ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และพัฒนาเทคโนโลยีในการป้องกัน เฝ้าระวัง เหตุการณ์ปรากฏการณ์ PM 2.5
กิจกรรมเริ่มต้นจากการไขความลับเรื่องสายตาและปรากฏการณ์การมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว โดย ดร.ปิยะพัฒน์ พูลทอง นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ชวนเด็กทำการแยกแยะสิ่งที่ดูคล้ายกันแต่จริงๆ แล้วมีความแตกต่าง เช่น หมอก ควัน ฝุ่น เรียนรู้ว่า PM 2.5 คืออะไร สนุกกับการทดลองนำเลเซอร์มายิงผ่านฝุ่นแป้ง จะเห็นเป็นลำแสงคล้ายกับที่เห็นลำแสงแดดบนท้องฟ้าในช่วงที่มีฝุ่นละอองอยู่จำนวนมาก หลังจากนั้น มาแกะกล่องวัด PM 2.5 ชำแหละส่วนประกอบว่าภายในเครื่องวัด PM 2.5 มีอะไร และนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เช่น การกระเจิงแสงมาออกแบบสร้างเครื่อง PM 2.5
แพทย์หญิงอติพร เทอดโยธิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พาเด็กๆ ตะลุยสู่โลกภายในร่างกายมนุษย์ว่า PM 2.5 มีผลอย่างไรต่อร่างกาย เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และการระคายเคืองต่างๆ หน้ากากและวิธีการสวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกัน PM 2.5 รวมถึงเด็กๆ ได้ตื่นเต้นกับการทดลองผ่าตัดปอดหมู สร้างปอดจำลอง และเรียนรู้การทำงานของปอดอย่างสนุกสนาน
ดร.สมบูรณ์ โอตรวรรณะ นักวิจัยจากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. มาจุดประกายให้เด็กๆ นำความรู้เกี่ยวกับอุตุนิยมวิทยาและวิทยาศาสตร์มาอธิบายว่า ทำไมปรากฏการณ์ PM 2.5 จึงมีมากในช่วงฤดูหนาว และทำไมเหตุการณ์นี้จึงมีมากในบางพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ รวมถึงการเรียนรู้สาเหตุของการเกิด PM 2.5 ในแต่ละพื้นที่อย่างเข้าใจ เพื่อนำมาซึ่งการแก้ไขอย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น โดยเด็กๆ ได้เรียนรู้และเข้าใจปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างง่ายผ่านการนำเสนอกราฟเปรียบเทียบและกราฟิกสมัยใหม่
เมื่อเด็กๆ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับ PM 2.5 แล้ว คุณชัชวาล สังคีตตระการ จากศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. มาชวนน้องๆ สร้างเครื่องวัด PM 2.5 ด้วยตัวเอง และสนุกกับกระจายกำลังตั้งสถานีวัดและรายงานสถานการณ์ PM 2.5 แบบเรียลไทม์ เด็กๆ ได้ตื่นเต้นกับการวัดและรายงานค่า PM 2.5 ที่เปลี่ยนไปเมื่อสถานีถูกกระตุ้นด้วยการจุดธูปหรือเป่าแป้งฝุ่น กิจกรรมนี้จบลงด้วยการให้เด็กๆ ช่วยกันลงมือประกอบเครื่องฟอกอากาศแบบง่าย ที่มีความรู้ด้านแผ่นกรองว่ามีโครงสร้างและการทำงานอย่างไร กลไกของใบพัดของพัดลมดูดอากาศว่าต่างกับพัดลมทั่วไปอย่างไรจึงดูดอากาศเข้าไปได้ และการสั่งงานผ่านมือถือให้เครื่องฟอกอากาศทำงาน
เยาวชนผู้เข้าร่วมกิจกรรม PM 2.5 ด.ญ.วรรณวรัณธร ทิพยวัฒน์ โครงการบ้านเรียนรุ่งอรุณ เล่าให้ฟังว่า ช่วงนี้มีฝุ่น PM 2.5 เยอะมากทำให้อยากรู้ว่ามันคืออะไร และเราจะวัดมันได้อย่างไร การมาค่ายนี้ทำให้ได้รับความรู้และได้ทำกิจกรรมด้วย ไม่ใช่แค่นั่งฟังอย่างเดียว กิจกรรมที่ชอบคือการสอนวิธีสังเกตฝุ่นด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ คือการโรยแป้งใส่หมอนแล้วใช้มือตบให้ฝุ่นแป้งกระจาย จากนั้นใช้แสงเลเซอร์ยิง ซึ่งฝุ่นแป้งจะทำให้เราเห็นแสงเลเซอร์เป็นลำแสงชี้ออกไป โดยความรู้ที่ได้รับจะนำไปแบ่งปันเพื่อนๆ และจะเอาไปสร้างเครื่องกรองใช้ที่บ้าน เพราะฝุ่นที่บ้านก็น่าจะมีฝุ่นประมาณนี้ อีกหนึ่งเยาวชน ด.ช.มั่งมี จินดายะพานิชย์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เล่าว่า การมาค่ายนี้ทำให้ได้รู้จัก PM 2.5 มากขึ้น และรู้ว่าต้องป้องกันอย่างไร ได้รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรที่จะป้องกันสูขภาพเราไม่ให้ PM2.5 เข้าสู่ร่างกายของเรา และรู้สึกสนุกมากที่ได้มาเข้าค่าย และอยากมาเข้าค่ายอีก
ด้าน คุณครูคมกริบ ธีรานุรักษ์ คุณครูโรงเรียนอนุบาลธีรานุรักษ์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์การจัดกิจกรรม เผยว่า กิจกรรมครั้งนี้สามารถนำไปใช้จัดกับเด็กอนุบาลได้ เช่น กิจกรรมฝุ่นจากหมอน สามารถนำไปประยุกต์ให้เด็กๆ เห็นฝุ่นได้ง่ายๆ แต่อาจปรับจากแสงเลเซอร์ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับเด็กๆ เป็นการใช้ไฟฉายแทน ซึ่งจะช่วยให้เขาตระหนักว่ารอบตัวเขามีฝุ่น อีกกิจกรรมที่นำไปใช้ได้คือการประดิษฐ์ปอดจำลอง เด็กๆ จะได้เห็นและได้สัมผัสด้วยตัวเอง