กรุงเทพฯ--25 ม.ค.--ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงรายละเอียดของเหตุการณ์กรณีมีชายชาวพม่าเข้าไปในเขตลานจอดอากาศยานเมื่อวันอังคารที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ในวันดังกล่าว เวลาประมาณ 21.30 น. หัวหน้าเวรฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นวิศวกรประจำเครื่องบินของสายการบินตุรกี (Turkish Airways) ว่า พบบุคคลไม่ทราบชื่อเดินอยู่บริเวณหลุมจอดเครื่องบิน 502 (ซึ่งอยู่ใกล้กับอาคารคลังสินค้าระหว่างประเทศของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทางด้านทิศตะวันตกของสนามบิน) จึงได้รีบไปยังจุดที่ได้รับแจ้ง พบชายดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่า นายซูออง สัญชาติพม่า อายุ 27 ปี นุ่งกางเกงขาสั้นลายดอก สวมเสื้อคอกลมสีเทา ไม่สวมรองเท้า พูดภาษาไทยไม่ได้ จึงได้นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ราชาเทวะ ซึ่งการสอบสวนในชั้นต้น ผู้ต้องหาให้การสับสนและมีการเปลี่ยนแปลงคำให้การตลอดเวลาเกี่ยวกับเส้นทางที่เล็ดลอดเข้ามาในเขตลานจอดอากาศยาน ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ชายดังกล่าวใช้เส้นทางใดในการผ่านเข้ามาในเขตลานจอดอากาศยาน ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม อย่างไรก็ตามถึงแม้ขณะนี้จะมีกระแสข่าวออกไปว่า ผู้ต้องหาเล็ดลอดเข้าพื้นที่สนามบินโดยการใช้วิธีลุยข้ามคลองที่อยู่รอบ ทสภ. ด้านทิศตะวันตก หลังโรงแรมแกรนด์ อินคำ
ถ.กิ่งแก้ว-ลาดกระบัง แล้วปืนรั้วตาข่ายและเดินข้ามทางวิ่งฝั่งตะวันตกเข้าไปยังลานจอดเครื่องบินหลุมจอดที่ 502 ดังกล่าวนั้น แต่ล่าสุดยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ผู้ต้องหาเข้ามาตามเส้นทางดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากผู้ต้องหายังให้การสับสน วกวน และเปลี่ยนคำให้การตลอดเวลา
นอกจากนั้นการเข้ามาในพื้นที่เขตลานจอดอากาศยานได้ จะต้องผ่านแนวกั้นและแนวป้องกัน เพื่อสกัดกั้นการปีนข้าม ทั้งนี้แนวรั้วรอบสนามบิน ซึ่งเป็นแนวรั้วกั้นแนวสันเขื่อน และแนวรั้วกั้นระหว่างเขตการบินกับพื้นที่สาธารณะ ทสภ. ได้มีการก่อสร้างตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) อยู่แล้ว
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า ขณะนี้ ทสภ. จะต้องรอผลสอบสวนอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อนำมาประกอบการสอบสวนหาข้อเท็จจริงถึงเส้นทางการเข้ามาของผู้ต้องหาดังกล่าว เพื่อดูว่าระบบการรักษาความปลอดภัยของ ทสภ. มีจุดบกพร่องหรือไม่อย่างไร และตนจะเร่งหามาตรการแก้ไขโดยเร็วที่สุด หากเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นก็จะรีบดำเนินการจัดซื้อเป็นการเร่งด่วน เพื่อเสริมในส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์ ให้การรักษาความปลอดภัยมีประสิทธิภาพสูงสุด