กรุงเทพฯ--11 มี.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"VL" เดินหน้าซื้อเรือใหม่เพิ่มอีก 2 ลำ วางงบลงทุนรวมกว่า 400 ล้านบาท เพื่อเสริมประสิทธิภาพการขนส่งในอนาคต พร้อมเสนอขายไอพีโอ 280 ล้านหุ้น ลุยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการซื้อเรือมือสองจำนวน 1 ลำ ภายใต้ชื่อ "VL.21" โดยมีน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ 5,676 เดทเวทตัน (DTW) ซึ่งเรือดังกล่าวมีมูลค่า 155 ล้านบาท หรือ 4.50 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับการซื้อเรือครั้งนี้มีแหล่งเงินทุนมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงิน และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท อีกทั้งบริษัทยังได้มีการซื้อเรือใหม่อีก 1 ลำ โดยมีน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ 2,800 เดทเวทตัน (DTW) ซึ่งมีมูลค่า 256 ล้านบาท หรือ 7.85 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการซื้อเรือครั้งนี้มีแหล่งเงินทุนมาจากการกู้เงินจากสถาบันการเงิน และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
ขณะเดียวกัน VL มีการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวน 280 ล้านหุ้น แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย VL จำนวน 200 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ จำนวน 80 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 25% และ 10% ตามลำดับ ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ และจะเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
ด้านแผนการระดมทุนในการเสนอขายหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ เพื่อลงทุนขยายกองเรือ โดยการลงทุนซื้อเรือดังกล่าวคาดว่าจะเป็นการต่อเรือใหม่ หรือการซื้อเรือมือสองเพื่อนำมาให้บริการ อย่างไรก็ตามยังต้องพิจารณาสถานการณ์ และสภาวะตลาดในขณะนั้นควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่ง ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ โดยเป็นการขนส่งทางทะเล ซึ่งสินค้าหลักแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ น้ำมันดิบ น้ำมันเตา น้ำมันใส น้ำมันหล่อลื่น และน้ำมันปาล์ม โดยมีการให้บริการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับบริษัทคู่ค้าที่ทำธุรกิจผู้ค้าน้ำมันเป็นหลัก โดยในปัจจุบัน บริษัทมีเรือเพื่อใช้ในการประกอบธุรกิจทั้งหมด 12 ลำ ซึ่งกองเรือมีอายุเฉลี่ยประมาณ 16 ปี มีน้ำหนักบรรทุกเรือรวม 35,081 เดทเวทตัน (DWT) และมีความสามารถในการบรรจุน้ำมันเพื่อขนส่งรวมอยู่ที่ 36,036 ลูกบาศก์เมตร
สำหรับการขนส่งผลิตภัณฑ์ในประเทศจะเป็นการขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้กับคู่ค้าที่ทำธุรกิจผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ เช่น บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด เป็นต้น