กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN' ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล ใส่เกียร์รุกตลาดต่างประเทศ ขนลิขสิทธิ์คอนเทนต์อินเดีย-ฟิลิปปินส์ และลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 ร่วมออกบูทขาย คอนเทนต์ในงาน ฮ่องกง ฟิล์ม มาร์ท (Hong Kong Filmart) 17-19 มีนาคมนี้
คุณบรรพต ชวาลกร รองกรรมการผู้จัดการสายงานการลงทุน บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า จากนโยบายการดำเนินธุรกิจของ JKN ที่มีแผนจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเป็น 30% ของรายได้รวมในปีนี้ จึงเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จในการทำตลาดในประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาวและกัมพูชา ที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศ ส่งผลสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศในปีที่ผ่านมาทำได้ประมาณ 26% โดยในจำนวนดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นการจำหน่ายคอนเทนต์ซีรีส์อินเดียกว่า 74%
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ บริษัทฯ ตอกย้ำแนวคิดการตลาด 'ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง' โดยร่วมออกบูทงานเทศกาลภาพยนต์ในหลายประเทศเพื่อนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดีย รวมถึงคอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 เพื่อขยายตลาดต่างประเทศ เช่น งาน Hong Kong Filmart ที่เกาะฮ่องกงในวันที่ 17-19มีนาคม 2562 หรืองาน Busan Content Market ที่ประเทศเกาหลีใต้ เป็นต้น โดยมีดารานักแสดงอินเดีย อาชิช ชามาร์ จากภาพยนตร์เรื่อง Khejdi ไปร่วมกิจกรรมที่บูท JKN ภายในงานดังกล่าว เพื่อร่วมสร้างกระแสความน่าสนใจให้แก่คอนเทนต์ที่นำไปจัดจำหน่ายในครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ JKN คาดว่าจะสามารถช่วยขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังประเทศเวียดนาม มาเลเซีย บรูไนและไต้หวันเพิ่มเติม จากเดิมที่มีเจ้าของสถานีโทรทัศน์ในประเทศเมียนมาร์ สปป.ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ได้ซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วมากกว่า 1,000 ชั่วโมง รวมถึงอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าอีกหลายรายที่ให้ความสนใจจะซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์อินเดีย และไทย ไปออกอากาศเพิ่มเติมอีกด้วย
"ตลาดต่างประเทศถือเป็น Blue Ocean ของ JKN เราจึงเริ่มรุกทำตลาดในปีที่ผ่านมา ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าที่ให้ความสนใจซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จาก JKN รวมถึงคอนเทนต์จากละครช่อง 3 ซึ่งทำรายได้กว่า 383 ล้านบาท และมั่นใจว่าด้วยแผนงานของเราในปีนี้ที่จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น จะทำให้เราสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศตามแผนงาน" นายบรรพต กล่าว