กรุงเทพฯ--12 มี.ค.--พลังงานบริสุทธิ์
EA คาดผลงานสดใสจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมเป็นหลัก เนื่องจากในไตรมาสแรกเริ่มรับรู้รายได้เชิงพาณิชย์ จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมาน ที่ COD ไปแล้ว 90 เมกะวัตต์ ประกอบกับโครงการหาดกังหันรับผลบวกจากมรสุมลมแรงที่เลื่อนจากปลายปีมาเป็นเดือนมกราคมปีนี้ และเดินหน้าเต็มที่เตรียมพร้อมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ รองรับ EV โต อานิสงฆ์จากรัฐบาลงดเก็บภาษีสรรพสามิต 3 ปี ต่อยอดด้วยธุรกิจเรือไฟฟ้า เพื่อจะนำไปสู่ระบบ Smart Transport แบบครบวงจร พร้อมเตรียมเปิดจองสิทธิ์รถ EV รุ่นอเนกประสงค์ "MINE MPV" ในงานมอเตอร์โชว์ในเดือนมี.ค.นี้
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะยังเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนเป็นหลัก หลังจากที่บริษัทได้ทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมานเสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ในขั้นตอนการทะยอย COD ซึ่งได้เริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการหนุมาน 1 และ 8 ไปแล้วเมื่อปลายเดือนมกราคมปีนี้ และเตรียมจะ COD ในส่วนที่เหลือจนครบ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 664 เมกะวัตต์ ในที่สุด โดยในช่วงต้นปีนี้ถือเป็นช่วงที่ดีของโรงไฟฟ้าพลังงานลมจากการเกิดมรสุมลมแรงรวมถึงพายุปาบึกที่ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ด้านธุรกิจแบตเตอรี่นั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมขึ้นโรงงานงานผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยม ไอออน พร้อมกับรุกเข้าไปต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรุกไปยังธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ MINE ที่เตรียมจะนำรุ่นที่จะผลิตจริง ไปแสดงและเปิดให้จองสิทธิ์ในงาน Motor Show ก่อนที่เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายรถยนต์ EV รุ่นอเนกประสงค์ หรือ MINE MPV ก่อนเป็นลำดับแรก นับเป็นกลยุทธ์ในการสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลอย่างดียิ่ง ที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการงดการเก็บภาษีสรรพสามิตเป็นเวลา 3 ปี คือ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2565 ในระหว่างนี้ ก็เร่งรัดแผน เดินหน้าติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอร์รี่เพื่อเตรียมรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง MINE และแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเชื่อว่า จะมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว
ส่วนแผนการลงทุนเรือไฟฟ้านั้น บริษัทฯได้วางงบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท ในการผลิตเรือโดยสารไฟฟ้าออกมาให้บริการ เป็นเรือโดยสารสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่วมทำงานกับกรมเจ้าท่าในการเตรียมความพร้อม การสั่งผลิตเรือตามแบบที่กำหนด ตลอดจนการเปิดโอกาสทางธุรกิจและเจรจากับพันธมิตรที่สนใจ คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปลายปีนี้
"บริษัทมุ่งมั่นที่จะลงทุน พัฒนาธุรกิจต่อยอดใหม่ๆ โดยใช้จุดแข็งที่เรามี ทั้งด้านเทคโนโลยี และทีมงานที่เข้มแข็ง ในปีช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้มีการลงทุนด้านการวิจัย และพัฒนา, ทำการตลาด ตลอดจนการเตรียมบุคลากรของเราอย่างจริงจัง ซึ่งจะได้เริ่มเห็นผลงานและทยอยรับรู้รายได้เข้ามาตามแผนงานของแต่ละสายธุรกิจ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้สายธุรกิจไบโอดีเซล ที่อยู่ระหว่างการเตรียมลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ และขยายโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดระยอง สายธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะนำเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานมาต่อพ่วงเข้ากับโรงไฟฟ้าโซลาร์หรือลมเพื่อเพิ่มเสถียรภาพและการสร้างรายได้ของโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ สายธุรกิจยานยนต์สมัยใหม่ที่เริ่มจากการเตรียมพร้อมลงทุนในสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhereไว้ล่วงหน้า เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ผลิตภัณฑ์รถ EV ในชื่อแบรนด์ MINE Mobility และ เรือไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ จากแผนธุรกิจที่บริษัทเตรียมการไว้นี้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนสำหรับปี 2562-2563 ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงาน เงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือ การออกหุ้นกู้ซึ่งได้มีการเตรียมการที่จะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในปีนี้ไว้" นายอมรกล่าว
อนึ่ง ในปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,975.21 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30.33% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 3,817.45 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมธุรกิจ Amita Technologies Inc., ไต้หวัน เข้ามาก็จะมีกำไรสุทธิในปี 2561 อยู่ที่ 4,080.63 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 12,490.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,673.50 ล้านบาท ปัจจัยบวกที่สำคัญมาจาก ผลประกอบการจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหาดกังหัน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 4 แห่ง