กรุงเทพฯ--13 มี.ค.--เอนซา ซาเดน
ตั้งเป้าเลี้ยงประชากรทั่วโลกกว่า –หนึ่งพันล้านคนทุกวัน จะได้บริโภคพืชผักที่ดีที่สุดที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์เอนซา ซาเดน ภายในปี 2050
วันที่ 12 มีนาคม 2562 บริษัท เอนซา ซาเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการพัฒนานวัตกรรมเมล็ดพันธุ์พืชที่ล้ำหน้า นำโดย นำโดย มร.ยาป มาเซอร์ริว ซีอีโอ Mr. Jaap Mazereeuw, CEO) นักธุรกิจ เจนเนอเรชั่น 3 ของ เอนซา ซาเดน พร้อมด้วย มร. ปันกาจ มาร์ลิค (Mr. Pankaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจภูมิภาค เอนซา ซาเดน เอเชีย พร้อมด้วย มร. วายแบพ เปตวาล (Mr Vaibhav Petwal) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอนซา ซาเดน (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันจัดงานพบปะสื่อมวลชน เพื่อแถลงแผนการอนาคต และนโยบายการขยายการลงทุนพร้อมแผนการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย รวมถึง การตั้งสำนักงาน ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการ ตลอดจนแปลงวิจัยพันธุ์พืช เพื่อความคล่องตัวในการให้การบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นนิมิตหมายอันดี ที่ประเทศไทยจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรที่ล้ำหน้า อีกทั้ง ยังเป็นการยกระดับและพัฒนาทักษะของบุคลากรด้านการเกษตร รวมถึงเกษตรกรไทยให้ก้าวทันโลก ด้วยความสนับสนุนและดูแลอย่างใกล้ชิดจากสำนัก งานภูมิภาค ซึ่งตั้งอยู่ ณ ประเทศมาเลเซีย และ ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ของเอนซา ซาเดนในประเทศฟิลิปปินส์ นับว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในภูมิภาคเอเชีย ที่เอนซา ซาเดน ได้เล็งเห็นถึงความมีศักยภาพ และให้ความสำคัญมาตั้งสำนักงานประจำประเทศอย่างเป็นทางการ สำหรับอุตสาหกรรมด้านเมล็ดพันธุ์พืช เป็นอย่างยิ่ง
มร. ยาป ซีอีโอ เอนซา ซาเดน เปิดเผยถึงความสำเร็จของเอนซา ซาเดนว่า "บริษัทเอนซา ซาเดน ได้ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก ณ เมือง เอนคูเซน (Enkhuizen) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 ประเทศเนเธอร์แลนด์ และดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงต่อเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า 80 ปี ความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการวางวิสัยทัศน์ระยะยาวได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้ง ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่องานด้านการวิจัยพัฒนา ส่งผลให้บริษัทสามารถพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชที่ล้ำหน้า ให้กับเกษตรกรทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
มร. ยาป เปิดเผยเพิ่มเติมว่า "เอนซา ซาเดนมุ่งให้ความสนับสนุนเกษตรกรทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถนำไปเพาะปลูกให้มีผลผลิตที่หลากหลายและมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นข้อจำกัดด้านดินฟ้าอากาศและสภาวการณ์ด้านการเพาะปลูก โดยให้สามารถพัฒนาให้เข้ากับความต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอนซา ซาเดน มีความภาคภูมิใจที่สามารถสร้างสถิติการผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นจำนวนสูงถึง 900,000 กิโลกรัมต่อปี โดยทำการตลาดเพื่อเลี้ยงประชากรครอบคลุมทั้ง 6 ทวีปทั่วโลก ใน 25 ประเทศหลัก กระจายผ่านตัวแทน 45 แห่ง โดยมีพนักงานที่พร้อมให้บริการถึง 2,000 คน ทั้ง ได้ตั้งเป้าหมายสถิติรายวัน ให้มีผลผลิตพืชผักเลี้ยงประชากรทั่วโลก กว่า "หนึ่งพันล้านคนในแต่ละวัน" มีพัชผักเพื่อการบริโภคที่มีคุณภาพและดีที่สุดที่เพาะปลูกจากเมล็ดพันธุ์ของ เอนซา ซาเดน ภายในปี 2050 จากสถิติปัจจุบันที่มีจำนวนประชากรที่บริโภคถึง 460 ล้านคน ยิ่งกว่านี้ เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน ได้รับความเชื่อถือและไว้วางใจจากเกษตรกรทั่วโลก โดยเฉพาะ หัวกะหล่ำและผักกาดหอม สร้างสถิติกว่า 20 ล้านหัว ทีมีการใช้เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดนในการเพาะปลูกทั่วโลก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการทุ่มเทในการค้นคว้าวิจัยเพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้สมบูรณ์ที่สุด โดยกว่า 30% ของรายได้ในแต่ละปีจะถูกจัดสรรเพื่องานด้านวิจัยพัฒนาโดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นภารกิจสำคัญ และ วิสัย ทัศน์ในการก้าวไกลไปข้างหน้าเพื่อสร้างเสริมสุขภาพที่ดีให้กับประชากรทั่วโลก ด้วยการบริโภคพืชผักที่ปลอดภัยและให้รสชาติดี
ในส่วนของการพัฒนาเมล็ดพันธุ์นั้น เอนซา ซาเดนมีศูนย์การเพาะเมล็ดพันธุ์ทั้งในส่วนของภูมิภาคและ ในประเทศต่างๆ มากกว่า 30 แห่ง ทำการเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผลมากกว่า 1,200 ชนิด โดยมีการเปิดตัวนวัตกรรมเมล็ดพันธุ์กว่า 100 สายเมล็ดพันธุ์ออกสู่ตลาดเป็นประจำทุกปี
เอนซา ซาเดน สร้างศูนย์การเพาะแมล็ดพันธุ์มากกว่า 30 แห่งทั่วโลก เพาะเมล็ดพันธุ์พืชผลมากกว่า 1,200 ชนิด ด้วยสถิติผู้บริโภครายวันกว่า 460 ล้านคน ที่ทานพืชผักที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ เอนซา ซาเดน
สำหรับตลาดประเทศไทย เอนซา ซาเดน ทำการตลาดผ่านระบบตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจะเป็นผู้กระจายเมล็ดพันธุ์สู่เกษตรกรโดยตรง โดยเมล็ดพันธุ์พืชผักของเอนซา ซาเดน ที่ทำการตลาดในประเทศไทยประกอบเมล็ดพันธุ์ 3 กลุ่ม คือ
ไฮโดรโปนิกส์ ผักสลัดต่างๆ เช่น เรดโอ๊ค, กรีนโอ๊ค, เจมส์ (Gem) บัตเตอร์เฮด Gกรีนเฮ้าส์ เมล่อน พริกหวาน มะเขือเทศ บัตเตอร์นัท (ฟักทองเหลี่ยมที่ปลูกแถบยโรป) Open field กลุ่มตระกูลแตง แตงกวา แตงร้าน บวบ มะระ ถั่วฝักยาว ฯลฯ
เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน ได้รับการวิจัยพัฒนา ทำให้เมล็ดพันธุ์มีจุดเด่นและแตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์ ในแง่ของ การต้านทานโรคและแมลง ทนต่อดินฟ้าอากาศ ให้ผลผลิตสูงและเก็บเกี่ยวได้เร็ว ตลอดจน รสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางอาหาร เมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน นี้ ยังพัฒนาให้เป็นผลผลิตที่มีอายุการเก็บรักษาได้ยาวนาน ทั้งนี้ เป็นการป้องกันและลดการสูญเสียเมล็ดพันธุ์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งกว่านี้ ยังมีการวิจัยพัฒนไปไกลถึงการรองรับเชื่อโรคใหม่ๆ ต่างๆ และยาฆ่าแมลงที่จะมีพัฒนาการยิ่งขึ้นไปในอนาคต อีกด้วย
ไวทัลลิสต์ ในเครือ เอนซา ซาเดน ยักษ์ใหญ่ด้านการพัฒนาและผลิตเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ของโลก ได้รับการการันตี รับรองให้เป็นผลิตผลออแกนิก 100% มากกว่า 500 สายพันธุ์
เอนซา ซาเดน คำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ มีความใส่ใจต่อสุขภาพประชากรและสิ่งแวดล้อม จึงได้ก่อตั้งบริษัทในเครือเพื่อพัฒนาด้านนวัตกรรมการผลิตเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผลแบบออแกนิก ไวทัลลิสต์ (Vitalis) ที่มีความแข็งแกร่งเป็นผู้นำในด้านการปรับปรุงพันธุ์และผลิตเมล็ดพันธุ์อินทรีย์ของโลกเพื่อการตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่มีความต้องการผลิตผลออแกนิก มั่นใจได้กับใบประกาศรับรองคุณภาพความเป็นออแกนิก 100% มากกว่า 500 สายพันธุ์ ผู้ปลูกเชื่อมั่น ผู้บริโภคมั่นใจ
เอนซา ซาเดน ได้เล็งเห็นศักยภาพของตลาดการเกษตรเมืองไทย จึงได้ตัดสินใจขยายการลงทุนมาประเทศไทย ทั้งนี้ นับเป็นประเทศที่ 3 ที่ได้ตั้งสำนักงานประจำประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้ง่นี้ เพื่อให้ใกล้ชิดตลาดและผู้บริโภค ยิ่งกว่านี้ ยังมีการทีมงานที่มีความรู้และประสบการณ์ที่มีความเข้าใจและรอบรู้สถานการณ์ของพื้นที่โดยตรง ทำให้เอนซา ซาเดนสามารถวิเคราะห์ความต้องการและปัญหาของเกษตรกรท้องถิ่น ตลอดจนสภาวะที่แท้จริงด้านการตลาด ซึ่งจะเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อการพัฒนาเมล็ดพันธุ์ให้เหมาะกับปัจจัยด้านดินฟ้าอากาศและภูมิประเทศ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่คุ้มค่าการลงทุน และมีคุณภาพและคุณสมบัติตรงตามความต้องการของพฤติกรรมการบริโภคชาวไทยได้เป็นอย่างดี
แต่งตั้งตัวแทนกระจายเมล็ดพันธุ์พัช ของ เอนซา ซาเดน ตรงสู่เกษตรกรชาวไทย พร้อม จัดทำแปลงวิจัยพันธุ์พืชถึง 2 แห่ง ณ เชียงใหม่ และ ราชบุรี เพื่อวงการเกษตรกรรมไทย
ส่วนแผนการลงทุนนั้นประกอบด้วย งบประมาณโดยตรงส่วนหนึ่ง การถ่ายทอดเทคโนโลยีพืชผลการเกษตรและองค์ความรู้การผลิตที่ล้ำหน้าให้กับเกษตรกรชาวไทย พร้อมสนับสนุนด้านอื่นๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยสามารถสร้างผลกำไรได้มากยิ่งๆ ขึ้น โดยมุ่งเป้าจะสร้างเมืองไทยให้เป็นฐานสำคัญของศูนย์กลางพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืชในเอเชีย ยิ่งกว่านี้ เอนซา ซาเดนยังมีมาตรการนำทรัพยากรต่างๆ เพื่อเตรียมการพัฒนาผลผลิตให้สอดคล้องกับแนวโน้มของความต้องการด้านอาหาร ตลอดจน รูปแบบการบริโภคในอนาคต อีกด้วย
มร. ปันกาจ (Mr Pankaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารงานส่วนภูมิภาค ให้รายละเอียดว่า "การดำเนินงานของเอนซา ซาเดน เอเชีย มีหน้าที่ดูแลตลาดสำคัญถึง 13 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ตลาดประเทศไทย ฟิลิปปินส์ พม่า เวียดนาม ลาว กัมพูชา ปากีสถาน และ ศรีลังกา เป็นต้น มร. ปันกาจ (Mr Pankaj Malik) ผู้อำนวยการบริหารงานส่วนภูมิภาค กล่าวปิดท้าย
ทั้งหมดนี้ เป็นความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์และบริการอย่างครบวงจร ตลอดทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อาหาร บริษัท มีความจริงใจในการสนับสนุนเกษตรกรชาวไทย ให้สามารถทำประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ให้สามารถเพิ่มมูลค่าได้ทุกตารางนิ้ว พร้อมทั้ง ช่วยลดต้นทุนด้านแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ จากมาตรการนี้เอง เกษตรกรชาวไทยจะมีรายได้เพิ่มมากยิ่งๆ ขึ้นในพื้นที่เท่าเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในอาหารและความมั่นคงในชีวิต มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นทั้งผู้บริโภค เกษตรกรไทย และ ผู้ผลิตจำหน่ายอาหารทั่วไทย
เกี่ยวกับ เอนซา ซาเดน
เอนซา ซาเดน เป็นบริษัทผู้นำระดับโลกด้านพัฒนาเมล็ดพันธุ์พืช รูปแบบบริหารระดับสากลที่ฉีกแนวแบบธุรกิจครอบครัวอิสระดั้งเดิม ทำการพัฒนานวัตกรรมด้านเมล็ดพันธุ์ที่หลากหลายผ่านศูนย์เพาะเมล็ดพันธุ์เอนซา ซาเดนทั้งระดับประเทศและระดับท้องถิ่น กว่า 30 แห่งทั่วโลก เมล็ดพันธุ์เอนซา ซาเดน ที่เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางประกอบด้วย กะหล่ำปลี มะเขือ พริกหวาน แตงกวา แรดิช และ หอมใหญ่ ฯลฯ เมล็ดพันธุ์พืชผักเหล่านี้มีการเพาะปลูกและจำหน่ายไปทั่วโลก จากสถิติพบว่า ในแต่ละวัน หรือ สถิติรายวัน ประชากรกว่า 460 ล้านคนทั่วโลก มีการบริโภคพืชผักที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ของเอนซา ซาเดน บริษัทที่ทำการวิจัยพัฒนาเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผัก ที่มีการทุ่มงบประ มาณมหาศาล จัดสรรงบกว่า 30% ของรายได้ในแต่ละปีเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ความพยายามนี้ได้กลับออกมาในรูปแบบของนวัตกรรมเมล็ดพันธุ์ที่ล้ำหน้าและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มีการ นำออกสู้ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคทั่วโลก