กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ทางบริษัทเปิดโรงแรมและร่วมลงนามความร่วมมือในการเปิดโรงแรมใหม่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่เติบโตอย่างชัดเจน สืบเนื่องจากการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ใหม่ 14 แบรนด์ ที่ช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอของทางบริษัทในส่วนตลาดนี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ปี 2561 สร้างสถิติใหม่ด้านการพัฒนาโครงการให้กับแอคคอร์
การเปิดห้องพักรวม 100,000 ห้อง ซึ่งเกิดจากทั้งการเติบโตจากภายในองค์กรและการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดในปี 2561 ทำให้ทางบริษัทมีความชัดเจนและกลายเป็นผู้นำในระดับสากลสำหรับส่วนตลาดที่เติบโตรวดเร็วที่สุด ด้วยแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่ง โดดเด่น และเพียบพร้อมสมบูรณ์ ตอบสนองความคาดหวังทั้งของลูกค้าและเจ้าของกิจการได้อย่างครบถ้วน
แอคคอร์ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาโครงการด้วยการร่วมลงนามความร่วมมือในการเปิดโรงแรมเกือบ 500 แห่งในปี 2561 ซึ่งมากกว่าในปี 2560 ถึง 110 แห่ง
Gaurav Bhushan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาโครงการ ของแอคคอร์ กล่าวว่า "ปีนี้ ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทางบริษัทได้พิสูจน์ความสามารถในการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง หลังจากที่แอคคอร์บรรลุเป้าหมายการดำเนินงานใน 100 ประเทศไปเพียงปีเดียวเท่านั้น ปี 2561 เป็นปีที่แอคคอร์เปิดโรงแรมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งยังสามารถปักหลักวางตำแหน่งของตนในส่วนตลาดไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจน ทีมของเราสามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอของแบรนด์ที่แข็งแกร่งในส่วนตลาดนี้ขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้ในทุกส่วนตลาด ตั้งแต่ระดับหรูหราไปจนถึงระดับประหยัด"
การวางตำแหน่งในทุกส่วนตลาดมีความชัดเจนเป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วยแผนการพัฒนา 10 แบรนด์สำหรับกลุ่มไลฟ์สไตล์ในระดับสากล ได้แก่ Delano, SLS, SO/, The House of Originals, Mondrian, 25Hours, Hyde, Mama Shelter, Tribe และ Jo&Joe
นักเดินทางจะได้เปิดประสบการณ์กับความแปลกใหม่ของแบรนด์ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมของการทำงานในเมืองและการพบปะสังสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการชมงานศิลปะ ลิ้มลองอาหารและค็อกเทลสูตรต้นตำรับ รื่นรมย์ไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้และน้ำมันหอมระเหย การได้สัมผัสผิวไม้ธรรมชาติ หรือสัมผัสหน้าจอทัชสกรีน ตลาดในกลุ่มไลฟ์สไตล์ยังคงเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งและทวีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ แอคคอร์จะกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้ตื่นตัวด้วยประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น ซึ่งแต่ละแบรนด์จะถูกวางตำแหน่งไว้ในพื้นที่เฉพาะอย่างชัดเจน โดยโรงแรมไลฟ์สไตล์ของแอคคอร์จะคอยให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นในทำเลอันทันสมัยที่พร้อมนำเสนอ…
* ปลายทางแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
* การตกแต่งภายในโดดเด่น ซึ่งมักได้รับการออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อก้อง
* พื้นที่เปิดสำหรับการทำงานและพักผ่อน พบปะสังสรรค์ และร่วมเปิดประสบการณ์ในรูปแบบใหม่ๆ
* ดนตรีและความบันเทิง
* มิตรภาพที่เปิดกว้าง และไม่มีพิธีรีตองใดๆ
* บริการอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้กับโรงแรม ทั้งในส่วนคอนเซ็ปต์ของร้านอาหาร, บาร์, คลับ, มิกโซโลจี เล้านจ์ ฯลฯ ในพื้นทืที่เปิดกว้างมองเห็นทัศนียภาพของเมือง เช่น บนเทอร์เรซ หรือบนชั้นดาดฟ้า
การเปิดโรงแรมและการร่วมลงนามครั้งสำคัญต่างๆ ในปี 2561
"การร่วมลงนามในสัญญาใหม่ๆ ตลอดปี 2561 จะกลายเป็นบันทึกในการเปิดโรงแรมใหม่ที่ครอบคลุมทุกส่วนตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์ราฟเฟิลส์ (Raffles) ซึ่งจะทำการเปิดโรงแรมแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา แบรนด์โซ/ (SO/) ซึ่งจะเปิดตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในหลายภูมิภาค รวมถึงการเปิดโรงแรมใหม่อื่นๆ อีกมากมายในส่วนตลาดโรงแรมระดับกลางและระดับประหยัด" Gaurav Bhushan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาโครงการ ของแอคคอร์ กล่าว
โรงแรมโอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส คิง เพาเวอร์ มหานคร
* เอเชียแปซิฟิก: ทางบริษัทได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำ ด้วยจำนวนโรงแรมกว่า 500 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 100,000 ห้องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการลงนามครั้งยิ่งใหญ่ของโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส (Orient Express) ที่กรุงเทพมหานคร (154 ห้อง)
ไฮไลท์สำหรับปี 2561
- การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ มัลดีฟส์ ซีร์รู เฟน ฟูชิ (112 ห้อง)
- การเปิดโรงแรมโนโวเทล เมลเบิร์น เซาท์ วาร์ฟ ในออสเตรเลีย (347 ห้อง)
- การลงนามเปิดโรงแรมไอบิส สไตล์ โตเกียว เบย์ ในญี่ปุ่น (261 ห้อง)
โรงแรมราฟเฟิลส์ บอสตัน
* อเมริกาเหนือและอเมริกากลาง: แอคคอร์เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนโรงแรมในขั้นตอนการพัฒนาเกือบ 30 แห่ง รวมเป็นจำนวนห้องพักเกือบ 5,000 ห้อง รวมไปถึงการลงนามเพื่อเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ แห่งแรกในบอสตัน
ประเทศสหรัฐอเมริกา (187 ห้อง)
ไฮไลท์สำหรับปี 2561
- การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ ออสติน ด้วยจำนวนห้องพัก 1,048 ห้อง
- และโรงแรมไอบิส สไตล์ เมริดา แกเลเรียส์ ในเม็กซิโก (140 ห้อง)
โรงแรมโนโวเทล ซานติอาโก โพรวิเดนเชีย
* อเมริกาใต้: แอคคอร์มีโรงแรมในขั้นตอนการพัฒนากว่า 110 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 15,000 ห้อง
ยิ่งใหญ่ด้วยการกลับมาในรอบ 10 ปีของแบรนด์โซฟิเทล โรงแรมแห่งแรกของทวีปนี้ ด้วยการลงนามเปิดโรงแรมโซฟิเทล คาซาบลังก้า บารู (187 ห้อง)
ไฮไลท์สำหรับปี 2561
- การเปิดโรงแรมโนโวเทล ซานติอาโก โพรวิเดนเชีย ในชิลี (178 ห้อง)
- การเปิดโรงแรมโนโวเทล เซา เปาโล เบอร์รินี ในบราซิล (209 ห้อง)
โรงแรมเมอร์เคียว คาลินินกราด
* ยุโรป: โรงแรมเกือบ 300 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 40,000 ห้อง กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา การเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ แห่งแรกในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ รวมถึงโรงแรมภายใต้แบรนด์ ไทรบ์ (Tribe) แห่งแรกในกลาสโกว์
ไฮไลท์สำหรับปี 2561
- การเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ ยูโรเปสกี วอร์ซอ ในโปแลนด์ (106 ห้อง)
- การเปิดโรงแรมเมอร์เคียว คาลินินกราด ในรัสเซีย (167 ห้อง)
* แอฟริกาและตะวันออกกลาง: โรงแรม 170 แห่ง ห้องพัก 42,000 ห้อง รวมถึงการลงนามครั้งสำคัญสำหรับโรงแรมพูลแมน อักกรา ในกานา (363 ห้อง)
- การเปิดโรงแรมไอบิส เอสแฟ็กซ์ ในตูนิเซีย (187 ห้อง)
- การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ ริยาดห์ ในซาอุดีอาราเบีย (304 ห้อง)
- การลงนามเปิดโรงแรมเอ็ม แกลเลอรี่ ดาวน์ทาวน์ ดูไบ (204 ห้อง)
- การลงนามเปิดโรงแรมโซ/ โดฮา กาตาร์ (321 ห้อง)
เกี่ยวกับแอคคอร์
แอคคอร์คือเครือข่ายโรงแรมชั้นนำระดับสากลที่มอบประสบการณ์การพักผ่อนที่โดดเด่นและเป็นที่น่าจดจำในโรงแรม รีสอร์ท และเรสซิเดนซ์กว่า 4,800 แห่งใน 100 ประเทศทั่วโลก แอคคอร์มีแบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับสากลมากมายซึ่งครอบคลุมตั้งแต่โรงแรมระดับหรูหราไปจนถึงโรงแรมชั้นประหยัด แอคคอร์ได้ดำเนินธุรกิจงานบริการด้วยความเชี่ยวชาญมามากกว่า 50 ปี
นอกเหนือจากการบริการด้านที่พักแล้ว แอคคอร์ ยังได้เปิดเส้นทางใหม่ในการเติมเต็มการใช้ชีวิต การทำงาน และ ความสนุกสนาน ด้วยแบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม สถานบันเทิงยามค่ำคืน แบรนด์เพื่อสุขภาพและ Co-working แบรนด์ แอคคอร์ได้คิดค้นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนศักยภาพทางธุรกิจ ซึ่งต่างทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินการและรังสรรค์ประสบการณ์แก่ผู้เข้าพัก การเข้าถึงโปรแกรมความภักดีด้านโรงแรมที่สร้างความประทับใจเป็นอันดับต้นๆของโลก
ทั้งนี้แอคคอร์มีความมุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน และร่วมมีบทบาทสำคัญในการตอบแทนสิ่งดีๆให้กับสิ่งแวดล้อมและชุมชนผ่านโครงการ Planet 21 - Acting Here อันเป็นความพยายามในการสร้าง "งานบริการเชิงบวก" ขณะที่โครงการ Accor Solidarity ซึ่งเป็นกองทุนการกุศล ที่เปิดให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีโอกาสเข้าร่วมโปรแกรมฝึกอาชีพและการรับเข้าทำงานในอนาคต
Accor SA จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Euronext Paris Stock Exchange (ISIN code: FR0000120404) และ OTC Market (Ticker: ACRFY) ในสหรัฐอเมริกา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าชมได้ที่ accor.com หรือติดตามเราได้ทางทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก