กรุงเทพฯ--19 มี.ค.--พรีบิลท์
PREB มีความคืบหน้าด้านงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแผนงานที่วางไว้ โดยต้นปีนี้ เริ่มเปิดขายโครงการคอนโดสุขุมวิท 26 มูลค่าโครงการประมาณ 730 ล้านบาทลงทุนโดยบริษัทย่อยที่ตนถือ 100% ในขณะที่การลงทุนร่วมทุนกับพันธมิตรยังดำเนินงานตามแผนโดยคาดว่าจะเปิดขายโครงการร่วมทุนล่าสุดที่บริเวณ ทาวน์ อิน ทาวน์ มูลค่าโครงการกว่า 750 ล้านบาท ได้ภายในปีนี้ และจะเริ่มรับรู้ผลกำไรจากโครงการบริเวณรถไฟฟ้า เสนานิคมได้ ในไตรมาสที่ 4 แผนงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ. พรีบิลท์ (PREB) เปิดเผยว่าภาพรวมของผลประกอบการไตรมาส1/62 ยังเป็นไปตามประมาณการ แต่อาจจะมีความแตกต่างกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปีที่แล้วงานส่วนใหญ่ปิดโครงการในไตรมาสแรก แต่ในปีนี้ คาดว่างานจะค่อยๆทะยอยส่งมอบเท่าๆกันในแต่ละไตรมาส โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้รายได้รับเหมาก่อสร้างจะสูงขึ้นประมาณ 17% โดยปัจจุบันมี Back log อยู่ที่ประมาณ 8 พันล้านบาท
ล่าสุด "พรีบิลท์" ได้ลงทุนร่วมกับบริษัทพันธมิตร ในการซื้อที่ดินเพิ่มบริเวณ ทาวน์ อิน ทาวน์ ถนนรามคำแหง ขนาดโครงการ 2-2-28.0 ไร่ คาดการณ์ว่าจะก่อสร้างเป็นโครงการอาคารชุดสูง 8 ชั้น 2 อาคาร ประมาณ 344 ยูนิต มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท และตั้งเป้าเปิดขายให้เร็วที่สุดให้ได้ภายในปลายปีนี้ โดยจะเริ่มก่อสร้างปี 2563 และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ประมาณปี 2564
สำหรับเป้าหมายรายได้ในงบการเงินรวมปี 2562 คาดว่าจะเติบโตประมาณ 20% จากปีก่อน เพิ่มขึ้นทุกส่วนงานทั้งส่วนรับเหมาก่อสร้าง งานขายแผ่นพื้นคอนกรีต สำเร็จรูป ของบริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล และ ส่วนงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากบริษัทลูก อีส แอม อาร์ ที่คาดว่าจะมียอดโอนครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2562 นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่าจะมีผลกำไรจากเงินลงทุนผ่านบริษัท พรีบิลท์ โฮลดิ้ง จำกัดอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดการณ์ว่าโครงการร่วมทุนโครงการ Quinto บริเวณ สถานีรถไฟฟ้าเสนานิคมจะมีการส่งมอบห้องชุดให้ลูกค้าในปลายปีนี้ โครงการ Quinto มีมูลค่าโครงการประมาณ 1.5 พันล้านบาท และบริษัท พรีบิลท์ โฮลดิ้ง จำกัดถือหุ้นร้อยละ 49 (ผลกำไรจะรับรู้ผ่านงบกำไรขาดทุน) กำไรสุทธิต่อโครงการคาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวหรือ สูงกว่าตลาด
ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตั้งเป้าหมายเริ่มรับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาส 4/62 โดยปัจจุบันมีโครงการที่พัฒนาเอง 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมราว 4.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรอีกทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5.2 พันล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานปี 61 ที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,896.14 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 384.21 ล้านบาทสูงกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 92 ล้านบาท โดยในปี 60 บริษัทมีกำไรจากธุรกิจดำเนินงานต่อเนื่องประมาณ 292.06 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกำไรจากธุรกิจที่ยกเลิก และกำไรจาการขายธุรกิจที่ยกเลิกไป เป็นผลให้ปี 60 มีกำไรทั้งสิ้น 703.52 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรจากการขายกิจการที่ยกเลิกไป ได้นำมาลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในรูปแบบของการร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตรและการพัฒนาโครงการด้วยตนเอง โดยในปัจจุบันมีจำนวนและมูลค่าโครงการสูงกว่าเดิม