กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--สิงห์ คอร์เปอเรชั่น
"น้ำดื่มสิงห์" ตอกย้ำความเป็นน้ำดื่มอันดับ 1 ของคนไทย ใส่ใจคุณภาพสินค้าและการผลิต น้ำดื่ม เปิดตัวเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ "Smart Micro Filter" เอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์ ฉีกหนีคู่แข่ง ทุ่มงบประมาณ 200 ล้านบาท อัดบิ๊กแคมเปญ "ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง" ดึง "ณเดชน์ คูกิมิยะ" นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ สร้างการรับรู้ Educatedตลาด หนุนการเติบโตและรักษาตำแหน่ง "ผู้นำตลาด"
อย่างยั่งยืน
ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล ผู้อำนวยการกลุ่มการตลาด ธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ บริษัท สิงห์คอร์เปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า "สิงห์ให้ความสำคัญกับคุณภาพผลิตภัณฑ์อย่างมาก เพราะถือเป็นหัวใจหลักของการผลิตสินค้าให้กับผู้บริโภค ด้วยการระดมทีมฝ่ายสำนักงานมาตรฐานและประกันคุณภาพ สายเทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์และทีมวิศวกรรมจำนวนมาก สำหรับวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้เทคโนโลยีการผลิตน้ำดื่มที่ดีและเหมาะกับร่างกาย โดยเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า "Smart Micro Filter" อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของน้ำดื่มสิงห์เท่านั้น มาใช้ในกระบวนการผลิตนี้กับสินค้าในโรงงานทุกแห่งทั่วประเทศ
ทั้งนี้ น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกายมนุษย์มากถึง 70% ดังนั้น น้ำดื่มสิงห์จึงต้องการมอบผลิตภัณฑ์ที่ใช่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมีเทคโนโลยี Smart Micro Filter
ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีการผลิตอัจฉริยะ ที่มีประสิทธิภาพและความละเอียดสูง สามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ แบคทีเรีย สิ่งสกปรก ที่ปะปนมากับน้ำออกไป แต่คงไว้ซึ่งแร่ธาตุตามธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ด้วยเหตุนี้เอง กระบวนการผลิตน้ำดื่มจึงมีความสำคัญ เราจึงเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตน้ำดื่ม Smart Micro Filter และต้องการสร้างการรับรู้ในวงกว้างให้กับผู้บริโภคคนไทย"
นอกจากนี้ น้ำดื่มสิงห์ยังมีมาตรฐานระดับโลกด้านอื่นๆ ที่การันตีคุณภาพ ความสะอาด ได้แก่ จีเอ็มพี (GMP), เอชเอซีซีพี (HACCP), ไอเอสโอ 22000:2005 Food Safety (ISO22000:2005), ไอเอสโอ 9001 (ISO9001), ไอเอสโอ14001 (ISO14001), เอ็นเอสเอฟ (NSF International จากสหรัฐอเมริกา), อย. และฮาลาล (HALAL) ซึ่งได้รับมานานแล้ว จากมาตรฐานดังกล่าวทำให้ได้รับการยอมรับและไว้วางใจเลือกใช้น้ำดื่มสิงห์จากแบรนด์รวมถึงหน่วยงานชั้นนำระดับโลก
โดยทั้งหมดนี้ น้ำดื่มสิงห์จะสื่อสารผ่านแคมเปญ "ดื่ม..สิ่งที่ใช่ให้ตัวเอง" และดึงซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่อยู่ในใจของผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆ(Top of Mind) "ณเดชน์ คูกิมิยะ" มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อจับตลาดในวงกว้าง(Mass) ทั้งเด็ก คนรุ่นใหม่ ผู้ใหญ่ และครอบครัว เหตุผลของการเลือก ณเดชน์ เพราะเป็นนักแสดงที่ดูแลตัวเองอย่างดี มีการออกกำลังกาย ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งถือเป็นคาแร็กเตอร์ที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ นั่นคือการเลือกสิ่งที่ใช่ให้กับตัวเอง และการที่ ณเดชน์เป็นนักแสดงในดวงใจของผู้บริโภค ยังเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างการรับรู้และช่วยให้ข้อมูลความรู้(Educated) มาตรฐานใหม่ของน้ำดื่มให้เกิดกับผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว
"เราต้องการสื่อสารถึงคุณภาพที่ดีของน้ำดื่มสิงห์ที่สะอาด เหมาะกับร่างกาย เพราะฉะนั้นคนที่จะมาเป็นตัวแทนแบรนด์ในการสื่อสารเรื่องนี้ ต้องมีความน่าเชื่อถือ จริงใจ และเป็นที่ชื่นชอบสำหรับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยอย่างที่สุด ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนักแสดงอันดับ 1 ตลอดกาล ณเดชน์ คูกิมิยะ และยังเป็นการตอกย้ำความเป็นน้ำดื่มอันดับ 1 ของคนไทยอีกด้วย"
ทั้งนี้ บริษัททุ่มงบประมาณการตลาดกว่า 200 ล้านบาท เพื่อจัดแคมเปญการตลาด "ดื่ม..สิ่งที่ใช้ให้ตัวเอง" ผ่านสื่อแบบ 360 องศา ทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง ผ่านพรีเซ็นเตอร์ ณเดชน์ คูกิมิยะ และยังสานต่อกิจกรรมการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มวัยรุ่น รวมทั้งยังคงทำตลาดน้ำดื่มขนาด 330 มิลลิลิตร ลายการ์ตูนมายลิตเติ้ลโพนี่ รวมถึงการเป็นสปอนเซอร์กิจกรรม Disney On Ice จับกลุ่มเป้าหมายเด็กอย่างต่อเนื่องเพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างแท้จริง
สำหรับภาพรวมตลาดน้ำดื่มบรรจุขวด (PET+GLASS) ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2562 (ย้อนหลัง 1 ปี) ในเชิงมีมูลค่าประมาณ 36,000 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 3,300 ล้านลิตร เติบโต 9.3% แบ่งตามบรรจุภัณฑ์แบบขวดพีอีที(PET) มูลค่า 34,200 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 3,130 ล้านลิตร หรือคิดเป็นสัดส่วน 95% เติบโต 10% แบบขวดแก้ว(GLASS) มูลค่า 1,800 ล้านบาท เชิงปริมาณรวม 170 ล้านลิตร คิดเป็นสัดส่วน 5% ทั้งนี้ น้ำดื่มสิงห์ยังครองความเป็นเบอร์ 1 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาด 21% เพิ่มขึ้น 10% ตามด้วยคริสตัล 20.6% เนสท์เล่ 15.2% น้ำทิพย์ 8.3% ช้าง 2.4% และอควาฟิน่า 1.5% สำหรับการรุกตลาดน้ำดื่มในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเพื่อความเป็นผู้นำตลาดที่ 23% ปัจจุบันผลิตภัณฑ์น้ำดื่มสิงห์ทำตลาดหลักในบรรจุภัณฑ์ 2 แบบ ดังนี้ ขวดพีอีที มี 5 ขนาด ได้แก่ ขนาด 330 มล. ราคา 5 บาท, 600 มล. ราคา 7 บาท, 750 มล. ราคา 9 บาท, 1,500 มล. ราคา 14 บาท และ 6 ลิตร ราคา 40 บาท ส่วนขวดแก้วมีขนาด 500 มล. ราคา 10 บาท และน้ำถัง 19 ลิตร ราคา 65 บาท